วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จังหวัดอุบลราชธานี


ตราประจำจังหวัดอุบลราชธานี


               รูปดอกบัวตูม และดอกบัวบาน ชูช่อก้านใบเหนือหนองน้ำ เป็นสัญลักษณ์ ที่ระลึกถึงชาวเมืองหนองบัวลำภู ในเขตจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเปลี่ยนเป็นจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน ภายใต้การนำของพระวอ และบุตรหลานพระตา ที่อพยพหนีภัยสงครามกับเมืองเวียงจันทน์ ลงมาตั้งรกรากในเขตจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อประมาณ พ.ศ.2312
               ต่อมาชุมชนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "เมืองอุบลราชธานี ศรีวนาลัย" เมื่อวันจันทร์ เดือน 8 แรม 1 ค่ำ ปีชวด พ.ศ.2335 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชองค์ปฐม บรมราชจักรีวงศ์

ธงประจำจังหวัดอุบลราชธานี


ด้านบนของธง จะมีรูปดอกบัวสีชมพูบาน ปักอยู่บนพื้นสีชมพู
ด้านล่าง จะมีอักษรสีขาว คำว่า "อุบลราชธานีปักอยู่บนพื้นสีเขียว

ผ้ากาบบัว ผ้าประจำจังหวัดอุบลราชธานี

               "ผ้ากาบบัว" เป็นชื่อผ้าในวรรณกรรมโบราณอีสาน ซึ่งไม่อาจทราบหรือพบในปัจจุบันแล้ว สีของผ้ากาบบัวหรือกลีบบัว จะไล่กันไปจากสีอ่อนไปถึงแก่ คือ ขาว ชมพู เทา เขียว น้ำตาลและชื่อของผ้ากาบบัว จะมีความหมาย และเหมาะสมกับชื่อของจังหวัดอุบลราชธานี
คำขวัญประจำจังหวัด

เมืองแห่งดอกบัวงาม        แม่น้ำสองสี
มีปลาแซบหลาย                      หาดทรายแก่งหิน
ถิ่นไทยนักปราชญ์                      ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม
งามล้ำเทียนพรรษา                             ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์


ประวัติเมืองอุบล


ประวัติเมืองอุบลราชธานี

               เมืองอุบลราชธานี เป็นเมืองเก่าแก่มีอายุมากกว่า 200 ปี ครับ ถ้าจะเที่ยวเมืองอุบลให้สนุก น่าจะศึกษาประวัติการตั้งเมืองสักเล็กน้อยครับ และแน่นอนครับ ไกด์อุบล จะขอรับใช้ท่าน ไปศึกษาค้นคว้าหาตำรับตำราอ่าน แล้วมาถ่ายทอดให้ท่านอีกต่อนึง ยิ่งศึกษาลึกลงไป ยิ่งสนุกครับ
               เราจะเริ่มกันที่ ปีพุทธศักราช 2228 เลยนะครับ ในปีนั้น ได้เกิดวิกฤติทางการเมืองในนครเชียงรุ้ง เนื่องจากจีนฮ่อธงขาวยกกำลังปล้นเมือง เจ้านครเชียงรุ้ง ได้แก่ เจ้าอินทกุมาร เจ้านางจันทกุมารี และเจ้าปางคำ อพยพไพร่พลมาขอพึ่งพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช แห่งเวียงจันท์ ซึ่งเป็นพระประยูรญาติฝ่ายมารดาได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โปรดให้นำไพร่พลไปตั้งที่เมืองหนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดนี้พึ่งตั้งใหม่ครับ ถ้านึกไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน ก็ให้ดูแถวๆ อุดรฯ ขอนแก่น ครับ) ตั้งชื่อว่า"นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน" ต่อมาพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ให้เจ้าปางคำเสกสมรสกับพระราชนัดดา ได้โอรส คือ เจ้าพระตา เจ้าพระวอ สองท่านนี้จะมีความสำคัญต่อเมืองอุบล เชิญติดตามต่อเลยครับ
               ปีพุทธศักราช 2314 (ผ่านมาอีกเกือบร้อยปี) เกิดสงครามแย่งอำนาจระหว่างเวียงจันท์ กับเมืองหนองบัวลุ่มภู โดยที่เจ้าสิริบุญสาร เจ้าแผ่นดินเวียงจันท์ขอเอาบุตร ธิดา เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ไปเป็นนางห้ามและนางสนม แต่เจ้าพระตา เจ้าพระวอไม่ให้ครับ เมื่อไม่ได้ดังพระทัย เจ้าสิริบุญสารจึงให้กองทัพมาตีเมืองหนองบัวลุ่มภู เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ยกกองทัพออกต่อสู้เป็นสามารถ กองทัพเวียงจันท์ต้องพ่ายกลับไปเสมอ การรบครั้งนี้กินเวลาถึง 3 ปี ไม่แพ้ไม่ชนะกัน เจ้าสิริบุญสารเจ็บใจ จึงส่งทูตไปขอเอากองทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ให้มาช่วยตีเมืองหนองบัวลุ่มภู แล้วจะยอมเป็นเมืองขึ้นของพม่า อ่านดูดีๆ นะครับ อย่างนี้ก็มีด้วย ตัวเองสู้ไม่ได้ ไปชวนคนอื่นมาช่วยรบกับชาวบ้าน แล้วจะยอมเป็นเมืองขึ้นด้วย เรียกว่าอยากเอาชนะจนไม่ลืมหูลืมตาครับ
               ฝ่ายเจ้าพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ถ้าทางจะสนใจข้อเสนอ จึงให้ ม่องระแง คุมกองทัพมาช่วยเจ้าสิริบุญสาร ฝ่ายเจ้าพระตาทราบข่าวศึก เห็นเหลือกำลังที่จะสู้กับข้าศึก คือคิดว่าอาจจะแพ้ได้ จึงให้เจ้าคำโส เจ้าคำขุย เจ้าก่ำ เจ้าคำสิงห์ พาไพร่พล คนชรา เด็กและผู้หญิง พร้อมพระสงฆ์ อพยพไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้หาที่สร้างบ้านสร้างเมือง ทำไร่ทำนาหาอาหารไว้คอย หากแพ้สงครามก็จะได้ตามไปอยู่ด้วย แล้วก็แพ้จริงๆ ครับ เจ้าบุตรทั้งหลายจึงพาไพร่พลอพยพไปตามที่เจ้าพระตาสั่ง ได้มาตั้งบ้านสิงห์โคก บ้านสิงห์ท่าไว้คอย (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร)