วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มาสด้า-ไทยรุ่งผนึกกำลังขายพุ่ง-บริการแน่น

ค่าย"มาสด้า"เร่งเปิดโชว์รูมครอบคลุมทั่วประเทศรับยอดขายโต ล่าสุดดีลเลอร์“บิซ มอเตอร์” ในเครือไทยรุ่งฯ ยึดทำเลสุขุมวิท 65 เปิดศูนย์แห่งใหม่รองรับการขาย-บริการถึง 3 ทุ่ม ขณะที่อีสานตอนล่างได้ “มาสด้าอุบลพิจิตรเพชร” เป็นฐานใหญ่
โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากรถยนต์มาสด้าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดียิ่ง ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์มาสด้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีปริมาณยนต์มาสด้าอยู่บนท้องถนนมากว่า 250,000 คัน โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้นี้ที่ปริมาณรถมาสด้ากำลังจะเพิ่มขึ้นอีกมากจากจำนวนยอดจองที่ยังมีอยู่อย่างล้นหลาม
ดังนั้นบริษัทจึงต้องเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ เพื่อรองรับกับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งเป็นการขยายธุรกิจเข้าไปยังแหล่งชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะย่านเอกมัย ทองหล่อ รวมทั้งรุกจังหวัดที่ใหญ่สุดและเป็นแหล่งรวมเศรษฐกิจของอีสานตอนล่าง คือ มาสด้าอุบลพิจิตรเพชร ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรายใหม่ล่าสุด
แก้วใจ แมคโดนัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไทยรุ่ง เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีความสำคัญ มาสด้า บิซ มอเตอร์ ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 65 ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองแหล่งรวมธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ เป็นโชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ 2 ชั้น มีพื้นที่เกือบ 2 ไร่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยทีมงานที่บริหารงานแบบมืออาชีพ ทั้งด้านการขาย การบริการ ที่ปรึกษาการขาย ช่างเทคนิค พร้อมศูนย์บริการที่สามารถให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมพื้นที่ทั้งย่านเอกมัย พระโขนง คลองตัน พระราม 4 ทองหล่อ
“เรามุ่งเน้นคุณภาพด้านการบริการพร้อมเอาใจใส่ดูแลลูกค้าด้วยความเป็นเลิศ รวมทั้งทีมงานที่ใส่ใจในคุณภาพของการบริการเตรียมรับประชาคมอาเซียน หรือ AEC สร้างความพร้อมด้านคุณภาพของบุคลากรก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ และก้าวสู่เวทีระดับสากล เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจรถยนต์ที่กำลังเบ่งบาน โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เช้าและปิดบริการถึง 3 ทุ่ม เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มพนักงานออฟฟิศและนักธุรกิจ”

นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะบุกใจกลางเมืองหลวงแล้ว มาสด้ายังเดินหน้าขยายเครือข่ายสู่ภาคอีสานตอนล่าง ด้วยการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คือมาสด้าจังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้ชื่อ อุบลพิจิตรเพชร มอเตอร์คาร์ จำกัด บริหารงานภายใต้การกำกับดูแลของ คุณสมชายและคุณไพวรรณ สร้างถาวร ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์อย่างแน่นหนากับชาวอุบลฯ และชาวอำนาจเจริญ
"โชว์รูมแห่งใหม่นี้มีขนาดใหญ่และมีพื้นที่ให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย ขณะเดียวกัน “อุบลพิจิตรเพชร มอเตอร์คาร์” ยังมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นผู้จำหน่ายที่มียอดขายติดท็อปอันดับต้นๆ ของประเทศ ด้วยจำนวนเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 100 คันอีกด้วย” โชอิชิ ยูกิ กล่าว

อัพเดทซืนวาน ธันวาคม 2555









คืบหน้าไประดับหนึ่งสำหรับคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ย้อนยุคอย่างซืนวาน ด้วยเหตุที่เป็นงานละเอียดจึงใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนาน

อุทยานสัตว์ป่าอุบลราชธานี


การเข้าชมอุทยานฯจะไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าชม เนื่องจากขับผ่านบางโซนที่ปล่อยสัตว์เดินไปมาโดยไม่มีกรง และหลายจุดคดเคี้ยวมาก เนื่องจากทางอุทยานฯจะไม่ตัดต้นไม้ ฉะนั้นถนนจึงคดเคี้ยวไปมาเพื่อหลบหลีกต้นไม้ ค่าบริการรถนำเที่ยว20บาท






บขส.ลงนามเดินรถระหว่างไทย-กัมพูชา 2 เส้นทาง

บขส.เตรียมเปิดเดินรถไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดเที่ยวปฐมฤกษ์ 29 ธ.ค. นี้
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง (บขส.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามสัญญาเดินรถโดยสารระหว่างไทยและกัมพูชา 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – ปอยเปต – เสียมราฐ และเส้นทางกรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – ปอยเปต – พนมเปญ กับ บริษัท นัทธกันต์ (กัมพูชา) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนในการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างประเ ทศของกัมพูชา โดยทั้ง 2 เส้นทางนี้จะเปิดเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ในวันที่ 29 ธันวาคม 2555

นายวุฒิชาติ กล่าวว่า เส้นทางกรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – ปอยเปต – เสียมราฐ มีระยะทาง 424 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง เดินรถฝ่ายละ 2 เที่ยวต่อวัน อัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทาง 750 บาท หรือ 25 เหรียญสหรัฐ และเส้นทางกรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – ปอยเปต – พนมเปญ ระยะทาง 719 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง เดินรถฝ่ายละ 1 เที่ยวต่อวัน อัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทาง 900 บาท หรือ 30 เหรียญสหรัฐ

“ภายในปี 2556 จะเปิดเพิ่มอีก 4 เส้นทางได้แก่ เสียมราฐ-ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี, เสียมราฐ-พัทยา, พระตะบอง-จันทบุรี และเส้นทางสีหนุ วิลล์-ตราด ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและกระตุ้ นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศให้ดียิ่งขึ้น

เคาต์ดาวน์ปีใหม่คึกคัก

พาเหรดจัดเคาต์ดาวน์ บูมเที่ยวปีใหม่ ประชาคมข้าวสารจัดหนักดึงคนร่วมหมื่นเข้างานด้านกทม. เน้นประดับไฟสร้างสีสันย่านราชประสงค์ และผุดอุโมงค์ไฟ LED เป็นครั้งแรก ขณะที่ ททท. ช่วยโปรโมต 18 พื้นที่จัดงาน และเปิดธีมสยามสนุก ใน 8 กิจกรรมทั่วประเทศ พร้อมจัดทำคู่มือไหว้ขอพรเสริมสิริมงคลรับปีใหม่

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การจัดงานปีใหม่ที่ถนนข้าวสารในปีนี้ใช้งบประมาณราว 1 ล้านบาท โดยมีประชาคมข้าวสารเป็นคนจัดงานในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00-01.00 น. โดยมีผู้สนับสนุนหลัก เช่น เครื่องดื่มเอส ที่สนับสนุนในด้านสินค้า เป็นต้น สำหรับจุดเด่นของงานอยู่ที่การแสดงคอนเสิร์ตของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียง และการแสดงของวงดนตรี
โดยผู้ประกอบการถนนข้าวสารต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมเคาต์ดาวน์และร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จัดขึ้น ซึ่งจะมีของชำร่วยมอบให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาร่วมงานด้วย ทั้งนี้ การจัดงานใน 1 วันนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาร่วมงานที่ถนนข้าวสารมากกว่า 1 หมื่นคน และมีเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 20% จากรายได้ของผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสารที่มีรายได้เฉลี่ยราววันละ 800 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าราว 960 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวได้ทยอยเข้ามาในพื้นที่ข้าวสารแล้ว โดยในภาพรวมคาดว่าที่พักทุกแห่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยมากกว่า 80% ยาวไปถึงช่วงหลังปีใหม่
นายมานิต เตชอภิโชค รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้จัดงานประดับไฟรับเทศกาลปีใหม่ โดยเน้นประดับตกแต่งย่านศูนย์การค้าใจกลาง กทม. บริเวณย่านราชประสงค์ ตั้งแต่แยกชิดลมไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติ ระยะทางรวม 495 เมตร ระหว่างวันที่ 1ธันวาคม 2555 – 15 มกราคม 2556 โดยมีไฮไลต์คือการจัดทำอุโมงค์ไฟ LED เป็นครั้งแรก ความยาวกว่า 20 เมตร กว้าง 16 เมตร บริเวณสะพานลอยทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส ตั้งแต่หน้าอาคารมณียาเซ็นเตอร์ถึงแยกอังรีดูนังต์ ทั้งนี้มีการประเมินว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ถึงปลายเดือนมกราคม 2556 ย่านราชประสงค์จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 16 ล้านคน และมีเงินสะพัดกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท และมียอดการเข้าพักในโรงแรมราว 90%
นายมรกต สุดดี ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์กิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ได้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลปีใหม่ใน 7 จังหวัด 8 กิจกรรมหลัก ภายใต้ธีม "สยามสนุก" ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย พัทยา ขอนแก่น หาดใหญ่ และภูเก็ต (ตารางประกอบ) โดยในภูเก็ตได้สนับสนุนการจัดงาน 2 งาน รวมถึง ททท. ได้มีการจัดงานเองที่จังหวัดเชียงราย ประกอบกับยังมีการจัดงานอีก 18 พื้นที่ เช่น สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช จาก อุทัยธานี แพร่ แม่ฮ่องสอน สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ลพบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง อุบลราชธานี สุรินทร์ นครพนม และอุดรธานี ซึ่งททท.ได้ช่วยทำการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้ พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคลตามธีมเดือนมกราคม "สวัสดีเมืองไทย" โดยได้สร้างสรรค์กิจกรรมไหว้พระ ขอพร 9 พระอารามหลวง โดยจัดทำคู่มือแนะนำเส้นทางในการเดินทางไปสักการะพระอารามหลวง เพื่อเป็นการเริ่มต้นอย่างมีความสุขสงบทางใจตามความเชื่อของไทย
นอกจากนี้ ททท. ยังได้จัดกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ในเดือนมกราคม 2556 กับกิจกรรม "ไหว้ขอพรเสริมสิริมงคล" เพื่อการเริ่มต้นชีวิตปีใหม่ที่ดี ด้วยการจัดทำคู่มือไหว้เสริมสิริมงคลใน 4 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทาง "ไหว้พระเสริมสิริมงคล 9 พระอารามหลวง" 2.เส้นทาง "ไหว้พระวัด 9 รัชกาล" 3.เส้นทาง "ไหว้พระ 9 วัด ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา" และ 4.เส้นทาง "ไหว้กษัตริย์ 9 พระองค์" ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่ ททท.สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ เพื่อร่วมฉลอง 3 ปิติของชาวไทยเนื่องในวโรกาสมหามงคลของ 3 พระองค์ในปี 2555
อนึ่งจากการประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวของ ททท. ในช่วงเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2555 – 2 มกราคม 2556 คาดว่านักท่องเที่ยวจะมีการเดินทางคึกคักในทุกภูมิภาค พบว่าทั่วประเทศมีอัตราเข้าพักกว่า 70% มีนักท่องเที่ยวกว่า 2.36 ล้านคน มีรายได้กว่า 1.31 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 3.2 พันล้านบาท ภาคกลาง 1.6 พันล้านบาท ภาคเหนือ 3.5 พันล้านบาท ภาคใต้ 3.2 พันล้านบาท ภาคตะวันออก 1 พันล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 600 ล้านบาท โดยภาคเหนือได้รับความนิยมสูงสุด

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เปิดใจ'สมบัติ เมืองอุบล'คนลูกทุ่งเก่าต้องปรับตัว


เปิดใจ'สมบัติ เมืองอุบล'คนลูกทุ่งเก่าต้องปรับตัว

เปิดใจ'สมบัติ เมืองอุบล'คนลูกทุ่งเก่าต้องปรับตัว

          ถ้าเอ่ยถึงนักร้องชายทีมงาน “เจ็ดพลังหนุ่ม” ของวงดนตรี สายัณห์ สัญญา แฟนเพลงรุ่นเก่าจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่น และมีผลงานเพลงบันทึกแผ่นเสียงกันทุกคน

          สมบัติ เมืองอุบล คือหนึ่งในทีมงานนักร้องเจ็ดพลังหนุ่มของวงสายัณห์ ที่ปัจจุบันยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งอยู่ในฐานะคนเบื้องหลัง ในอดีตเคยสร้างนักร้องคู่ขวัญเสียงดี สิทธิพร สุนทรพจน์-สุดา ศรีลำดวน ประดับวงการมาแล้ว และอยู่เบื้องหลังนักร้องอีกมากมายหลายคน แม้จะล้มลุกคลุกคลาน ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่วันนี้ สมบัติ เมืองอุบล ยังต่อสู้อยู่ในวงการที่เขารักเข้าสายเลือด

          ก่อนหน้านี้ สมบัติได้ดูแลการผลิตเพลงให้ ตุ้ม พิชิตชัย หรือ ตุ้ม จ่านกร้อง ในงานชุดแรกสังกัดชัวร์เอนเตอเทนเมนต์ จนทำให้ได้รับรางวัล”ดาวดวงใหม่ยอดเยี่ยม คมชัดลึกอวอร์ด”ครั้งที่ 7 จากเพลง “พระเอกหน้าใหม่ในใจเธอ” มาแล้ว

          ล่าสุด ทีมข่าว ”คม ชัด ลึก” ได้พบกับสมบัติ เมืองอุบล ในวัย 62 ที่ยังแข็งแรง อีกครั้งกับการอยู่เบื้องหลังนักร้องชื่อ ขวัญใจ มิตรภาพ ที่มีเพลง "หัวใจสิวาย" ที่เป็นเพลงลูกทุ่งอีสานแดนซ์แนวใหม่ โดยอ้างอิงทำนองจาก เพลง "กังนัมสไตล์"
-ที่ผ่านมา เงียบหายไป ไปทำอะไรมาบ้าง
          ที่จริงผมไม่ได้หายไปจากวงการ แต่ซุ่มทำงานกันอยู่ ได้ไปดูแลเพลงนักร้องลูกทุ่งอีสาน ชื่อ เรณู ภูไท ส่วนสิทธิพรกับสุดา ผมปล่อยให้เขาเป็นอิสระดูแลตัวเองมาหลายปีแล้ว

-ช่วงที่ไปทำงานให้ตุ้ม พิชิตชัย เป็นอย่างไร
          ผมได้รับการไว้วางใจจากคุณเปิ้ล วิวัฒน์ ไทยวัฒนานนท์ ซีอีโอค่ายชัวร์เอนเตอเทนเมนต์ให้ติดต่อประสานดูแลงานตุ้ม จ่านกร้อง เข้าสังกัดและเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย ปัจจุบันยังทำให้ค่ายชัวร์อยู่ ตอนนี้งานชุดที่ 2 คืบหน้าไป 60-70 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่ช้าไปเพราะเราต้องคัดเลือกเพลง ต้องติวเข้มกันมากๆ ต้นปีหน้าคงได้ฟังกัน แนวเพลงของตุ้มยังเป็นเพลงลูกทุ่งอยู่

-งานล่าสุด ที่ทำลูกทุ่งแบบกังนัมสไตล์ ฉีกแนวไปเลย
          เป็นไอเดียของคุณชัย ศิษย์ประเสริฐ คนที่สร้างคัฑลียา มารศรี เขาเปิดค่ายโรสมิวสิค เขาเปิดโอกาสให้ผมทำงานชุดใหม่ เรณู ภูไท ชุด “ร็อคลำซิ่ง” ก็เลยให้ดูขวัญใจ มิตรภาพไปด้วย เรื่องทั้งงานโชว์ตัว วางแผนโปรโมทครบวงจร

-กลับมาคราวนี้ วงการเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
          วิทยุเปลี่ยนมาหลายปีแล้ว มีวิทยุชุมชนเกิดขึ้นมากมาย ในส่วนวิทยุหลักก็มีเพิ่มหลายช่องขึ้นมาก ทำให้เรามีช่องทางในนำเสนองานขึ้นมาก แต่ผลงานต้องเข้าตา ไม่งั้นดีเจจะไม่หยิบมาเปิด เราต้องชื่นชมดีเจรุ่นนี้ที่เขามีวิวัฒนาการใหม่ เราเคยทำเพลงลูกทุ่งจ๋ามาก่อน จะต้องพัฒนาตามให้ทัน ในแง่เนื้อหาสาระ การร้องซึ่งการเอื้อนเสียงจะเหมือนยุค 30-40 ที่ผ่านมา อาจจะไม่ใช่แล้ว เท่าที่ผมสังเกต ดีเจรุ่นใหม่จะไม่คุ้นเคยกับการขับร้องแบบรุ่นเก่าๆ สักเท่าไหร่ เราต้องปรับตัวตาม ส่วนเนื้อหาสาระ จริงๆ แล้ว เพลงอกหักผิดหวัง รักจริงหวังแต่งก็ใช้ได้อยู่ แต่ประเภทชมนกชมไม้อาจจะต้องลดน้อยลงไป

-เกี่ยวกับทีวีดาวเทียมที่เป็นสื่อใหม่ของลูกทุ่ง
          ทีวีดาวเทียมเกิดขึ้นมาเป็นร้อยๆ ช่องเป็นช่องทางที่นักร้องจะได้มีโอกาส ถ้าเป็นสมัยก่อนคนฟังไม่ได้คำนึงรูปร่างหน้าตานักร้อง ฟังแต่วิทยุ แต่เวลานี้นักร้องที่จะก้าวเข้าวงการ ต้องพร้อมที่จะขายทั้งภาพและเสียง เมื่อก่อนขายเสียงอย่างเดียว เราเองต้องดูภาพลักษณ์ของนักร้องด้วย แต่คนขี้เหร่ก็ยังมีโอกาสครับ อย่างแนวลูกทุ่งเพื่อชีวิตเขาใช้ความสามารถทดแทนหน้าตาได้

-อยู่วงการมากี่ปี และได้สัจธรรมอะไรบ้างในวงการ
          ผมเข้าวงการตั้งปี 2510 ก็ร่วม 45 ปีแล้ว ที่ผ่านมาได้อะไรหลายอย่างจากวงการเพลง ชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้ช่วยเหลือสังคมพอสมควร ส่วนเรื่องของชื่อเสียงที่ขึ้นลง ผมมองว่า เป็นเรื่องธรรมดา มันไม่มั่นคง บางครั้งอาจเงียบหายไปบ้าง ผมเองไม่มีอาชีพเสริมเลย แต่ผมรักชีวิตวงการบันเทิงมาก ทุ่มเทมาก เรื่องเสียหายต่างๆ เราต้องระวัง หลีกเลี่ยง และต้องมีพรรคพวกเพื่อนฝูง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในวงการ

-ในฐานะรุ่นพี่รุ่นพ่อ มีข้อแนะนำนักร้องรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไร
          จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การที่จะอยู่ในวงการให้ตลอดรอดฝั่งและมีศักดิ์ศรี เราต้องมีความซื่อสัตย์กับตัวเราเองก่อน และต้องมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่เราทำอยู่ อย่างน้อยเราเป็นคนสาธารณะ เป็นคนของประชาชน เมื่อเรารับปากกับใคร เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำอยู่ เรื่องที่สำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่งในวงการลูกทุ่ง คือ ความกตัญญู ให้ความรักเคารพผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์ เห็นใจน้องๆ ที่มาใหม่ มีสิ่งไหนดีๆ เราแนะนำกัน คนที่เดินทางมาก่อนย่อมมีประสบการณ์มาถ่ายทอดให้น้องๆ และอาชีพร้องเพลงทำเพลง คนมีพระคุณกับเรา คือ แฟนเพลง และประชาชนทั่วไป เราต้องให้เกียรติคนดู แฟนเพลงด้วย

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทม.วารินชำราบจัดพิธีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555


ทม.วารินชำราบจัดพิธีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555
วันที่ 4 ธันาวคม 2555 เวลา 8.30 น. ณ สนามทุ่งคำน้ำแซบ เทศบาลเมืองวารินชำราบ โดยนายจีระชัย  ไกรกังวาร นายกเทศมนตรี ร่วมกับอำเภอวารินชำราบ โดยนายวิรุจ  วิชัยบุญ นายอำเภอวารินชำราบ พร้อมด้วยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุบลราชธานี, สถานีตำรวจภูธรวารินชำราบ, มณฑลทหารบกที่ 22 อุบลราชธานี คณะครูและนักเรียนในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ และประชาชนชาววารินชำราบ ได้ทำพิธีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555 อันเป็นแสดงถึงความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยต่อพระองค์ โดยได้รับเกียรติจากนายอดิศักดิ์  เทพอาสน์ รองผู้ว่่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มาเป็นประธานและนำกล่าวคำถวายพระพร พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงพ่อแห่งแผ่นดินด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย

เทศบาลเมืองวารินชำราบ จัดการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ประจำปี 2555


เทศบาลเมืองวารินชำราบ จัดการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ประจำปี 2555
วันที่ 3 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขแห่งที่ 1 กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองวารินชำราบ ได้จัดการประกวดผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี ประจำปี 2555 ขึ้นโดยได้นำผู้สูงอายุของชุมชนทั้ง 28 ชุมชน มาเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อเฟ้นหาผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีที่สุด โดยผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากนายจีระชัย  ไกรกังวาร นายกเทศมนตรี ในงานดูแลห่วงใยใส่ใจผู้สูงอายุ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2555 นี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ และกระตุ้นให้ลูกหลานได้หันมาใส่ใจผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชน

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เชิญร่วมสร้างอาคารปฏิบัติธรรมพรหมวชิรญาณ ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ก.พ.56

ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณป่าดงใหญ่วังอ้อ ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมพรหมวชิรญาณ ๓ ชั้น เพื่อเป็นที่พักปฏิบัติธรรม ชั้นที่ ๑ เป็นที่พักหญิง ชั้นที่ ๒ เป็นที่พักชาย ชั้นที่ ๓ ใช้เป็นห้องอบรม ท่านใดมีความประสงค์จะร่วมสร้างบุญ บารมีทาน และส่งเสริมพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ขอเชิญร่วมสนับสนุนบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่เกิดประโยชน์ต่อผู้เข้าปฏิบัติธรรม อาทิ ชุดเครื่องเสียง-เครื่องฉายสื่อวีดิทัศน์ เครื่องนอน เบาะนั่งคอมพิเตอร์ กระติกน้ำร้อน ร่มกันฝน ชุดเครื่องครัวสแตนเลส ถ้วย จาน ชาม และยารักษาโรค เป็นต้น หรือบริจาคผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาถนนชยางกูร ชื่อบัญชี กองทุนสร้างอาคารปฏิบัติธรรมพรหมวชิรญาณ เลขที่ ๐๒๐ ๐๘๒ ๕๕๕๗ ๕๔ สอบถามรายละเอียดที่ พระครูสุขุมวรรโณภาส ผอ.ศูนย์ฯ โทรศัพท์ ๐๗-๘๘๖๘-๘๘๖๘ และ ๐๘-๖๖๒๖-๘๘๘๗
               ในโอกาสนี้ขออนุโมทนากับสายศรัทธา ร่วมแรง ร่วมใจ สร้างที่พักให้คนดี มีธรรม และขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ และร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เพื่อระดมทุนครั้งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

อีสานได้โค้ชป้ำ วรวรรณ ชิตะวณิช นั่งกุนซือใหญ่เริ่มงาน 3 ธ.ค. นี้


 อีสาน ยูไนเต็ด ได้กุนซือใหญ่ คนใหม่ โดยแล้วหวยออกที่ "โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช อดีตกุนซือ "ปลาทูคะนอง" หลัง "เฮียหวด" สมบัติ เกียรติสุรนนท์ ประธานสโมสร เป็นคนเลือกเอง ได้ค่าเหนื่อย 6 หลัก "โค้ชป้ำ" ประกาศพาทีมซิวแชมป์บอลถ้วย เพื่อให้ได้สิทธิ์ไปเล่น บอลถ้วยเอเชีย ให้ได้เป็นประวัติศาสตร์ของสโมสร 
               ความเคลื่อนไหวของทีม "กูปรีอันตราย" อีสาน ยูไนเต็ด เจ้าของอันดับ 6 สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่แล้ว ซึ่งทางบอร์ดบริหารกำลังร่วมเฟ้นหาตัวกุนซือใหญ่คนใหม่ที่จะเข้ามารับงานแทน "พยงค์ ขุนเณร" กุนซือคนก่อน ที่ตัดสินใจย้ายไปคุมทัพ สุพรรณบุรี เอฟซี ในซีซั่นหน้า 
               ล่าสุดเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากุนซือคนใหม่ของทีมอีสาน ยูไนเต็ด เวอร์ชั่น 2013 คือ "โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช อดีตกุนซือสมุทรสงคราม เอฟซี และ ราชประชา เอฟซี ที่ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับบอร์ดบริหารอีสาน ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการแล้ว
               เกี่ยวกับเรื่องนี้ สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก "เฮียหวด" สมบัติ เกียรติสุรนนท์ ประธานสโมสรอีสาน ยูไนเต็ด ถึงการตัดสินใจเลือกตัว วรวรรณ ชิตะวณิช นั่งแท่นกุนซือใหญ่ในครั้งนี้ว่า 
               "เมื่อวันพุธที่ 28 พ.ย. 55 ผมได้นัดคุณวรวรรณ มาพูดคุยถึงรายละเอียดและความเป็นไปได้ของการร่วมงานทำทีมในซีซั่น 2013 เป็นต้นไป เรื่องนี้บอร์ดบริหารอีสาน ยูไนเต็ด ทุกคนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก กับการที่ได้คุณวรวรรณ เข้ามารับงานกุนซือใหญ่ 
               เหตุผลสำคัญที่เลือกคุณวรวรรณ ก็เพราะถือเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับ อีสาน ยูไนเต็ด มากที่สุดในขณะนี้ ผลงานการทำทีมให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมาของคุณวรวรรณ ดูจะสอดคล้องกับเป้าหมายของอีสาน ยูไนเต็ด ในปี 2013 เป็นอย่างยิ่ง 
               สำหรับการประเดิมคุมทีมวันแรกของ คุณวรวรรณ ชิตะวณิช จะเริ่มงานในวันจันทร์ที่ 3 ธ.ค. 55 ที่สนามทุ่งบูรพา จ.อุบลราชธานี เวลา 16.00 น. จะเป็นการเริ่มคุมทีมซ้อมวันแรกอย่างเป็นทางการ"
ฟาด 6 หลัก หวังแชมป์ถ้วยสู่เอเอฟซีชปล.
               พร้อมกันนั้น "เฮียหวด" สมบัติ เกียรติสุรนนท์ ประธานสโมสรอีสาน ยูไนเต็ด ยังได้เปิดเผยถึงวงเงินค่าเหนื่อย ที่ใช้ในการเซ็นสัญญาว่าจ้าง "โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช มานั่งแท่นในตำแหน่งกุนซือใหญ่ด้วยว่า
               "ยอดตัวเลขตรงๆ กับค่าเหนื่อย ในการเซ็นสัญญากับคุณวรวรรณ คงไม่สามารถเปิดเผยอย่างเป็นทางการได้ แต่เอาคร่าวๆ จะอยู่ที่ 6 หลักกลางๆ ตามศักยภาพ และดีกรีของคุณวรวรรณ ในลักษณะสัญญาระยะยาว เพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จที่หวังไว้ นั่นคือศึกไทยลีก จะต้องจบอันดับเลขตัวเดียว
               แต่สิ่งสำคัญที่หวังไว้คือเกมฟุตบอลถ้วยอย่างมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ซึ่งบอร์ดบริหาร อีสาน ยูไนเต็ด ตั้งเป้าไว้สูงถึงการเป็นแชมป์ หากเราทำสำเร็จ อีสาน ยูไนเต็ด จะได้สิทธิ์ลงเล่นรอบเพลย์ออฟเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่เราอยากให้เกิดขึ้น รวมถึงฟุตบอลถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ ก็เป็นอีกหนึ่งรายการ ที่เราหวังไว้สูงด้วยการเป็นแชมป์ให้ได้เช่นกัน
               ส่วนเรื่องตัวผู้เล่นหลักๆ จากปีที่แล้วตอนนี้การันตีได้เลยว่า 80 เปอร์เซ็นต์ จะยังคงอยู่กับทีมต่อไปในปี 2013 ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ จะดำเนินการเจรจาถึงสัญญาฉบับใหม่ หากไม่ลงตัวก็คงจะปล่อยออกจากทีม ส่วนตัวที่จะเข้าใหม่ทางบอร์ดบริหารจะทำการร่วมหารือกับคุณวรวรรณถึงการดึงมาเสริมทัพนับจากวันที่ 3 ธ.ค. เป็นต้นไป"
"โค้ชป้ำ" รับไม้พาอีสานยิ่งใหญ่
 
               ทันทีที่บอร์ดบริหาร อีสาน ยูไนเต็ด การันตีถึงตัวกุนซือใหญ่คนใหม่เป็น "โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช สยามกีฬาก็ได้ติดต่อสอบถามถึงความหวังและเป้าหมายของ โค้ชป้ำถึงการเตรียมพาต้นสังกัดใหม่ อีสาน ยูไนเต็ด เดินหน้าสู่ความสำเร็จที่หวังไว้กับแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการใดรายการหนึ่งด้วยว่า
 
 
               "อย่างแรกก็ต้องก็ขอบพระคุณบอร์ดบริหาร อีสาน ยูไนเต็ด ที่ไว้วางใจให้ผมทำหน้าที่กุนซือใหญ่คนใหม่ ผมเองและบอร์ดบริหารมีเป้าหมายและทิศทางการทำทีมที่ตรงกันนั้นกับการรุดหน้าสู่ความสำเร็จที่หวังโดยเฉพาะกับแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชน จากทั้งในและต่างประเทศ จุดนี้จะยิ่งช่วยนำความสำเร็จมาสู่ทีมอีสาน ยูไนเต็ด ตามที่หวังไว้ได้อย่างแน่นอน"
 
               สำหรับเกียรติประวัติการคุมทีมสู่ความสำเร็จของ "โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช คุมทีมเซมบาวัง ในเอสลีก สิงคโปร์ ระหว่าง 1999-2003, คุมทีมแทมปิเนส โรเวอร์ส เอสลีก สิงคโปร์ ระหว่าง 2004-2010 โดยปี 2004 คว้าแชมป์เอสลีก, สิงคโปร์ คัพ พร้อมกับคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมเอสลีก,


        ปี 2005 คว้าแชมป์เอสลีก, อาเซียน คลับ แชมเปี้ยนส์ชิพ และรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมเอสลีก ส่วนปี 2006 คว้าแชมป์สิงคโปร์ คัพ พร้อมกันนั้น โค้ชป้ำยังจบหลักสูตรโค้ชเอไลเซนส์ ที่ได้รับการรับรองจากเอเอฟซีอีกด้วย
 
 

เชิญศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อยู่ใน จ.อุบลฯ ร่วมงานวันธรมศาสตร์ ปี 2555

ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์อุบลราชธานี ขอเชิญร่วมงาน "เกี่ยวก้อย ร้อยใจ สานสายใย ชาวเหลือแดง"
 
วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2555 ณ ร้านอาหาร แซ่บซอย 9 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 045-262644-9 คุณ การุณ 

http://www.facebook.com/thammasatubonalumni

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี วัดถ้ำภูพระเจ้า อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลฯ

 พระอาจารย์เอกราช ธรรมะธโร เปิดเผยว่า วัดถ้ำภูพระเจ้า (ที่พักสงฆ์) จัดงานผ้าป่าสามัคคี ขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 ธันวาคม 2555 ณ วัดถ้ำภูพระเจ้า บ้านนาทอย ตำบลหนามแท่ง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลฯ เพื่อนำเงินไปสร้างศาลาและพัฒนาวัด ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานและบริจาคสมทบทุน ได้ที่ วัดถ้ำถูพระเจ้า โทร 086-8088091

อาชีวะอุบลฯ สุดปลื้ม ชนะเลิศการประกวดเรือประดับไฟฟ้า รับถ้วยพระราชทานฯ

               เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2555  ณ  เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ กรุงเทพมหานคร  นายอุทัย ภูริพัฒน์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท จากการชนะเลิศการประกวดเรือประดับไฟฟ้า สว่างไสว มหานทีแห่งเจ้าพระยา (The Miracle light of chaopraya)  ในงานเทศกาล “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ปี 2555   ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-28 พ.ย.2555
               โดยวันนี้ วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2555  เวลา 08.30 น.  ดร. ธนกร ไชยกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี    นำคณะครู นักเรียน นักศึกษา จัดพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทาน จากสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี มายังวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ซึ่งนำความปลาบปลื้มใจแก่ชาววิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี เป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากเรือประดับไฟฟ้าจะได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้แล้ว ยังได้จัดแสดงให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทอดพระเนตรในค่ำคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมาด้วย

               สำหรับเรือประดับไฟฟ้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี คณะครู เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำเรือประดับไฟฟ้าเพื่อถวายในหลวง โดยใช้ชื่อเรือว่า “เทียนธรรมเทียนพรรษา ส่องเจ้าพระยามหานที สายธารหลอมชีวี ใต้ร่มพระบารมี ธ ทรงธรรม” ซึ่งมีแนวคิดในการจัดทำ คือ ประเพณีการทำเทียนพรรษาเป็นอัตลักษณ์ของชาวอุบล ประกอบด้วย ต้นเทียนพรรษา พญานาค และชุมชนคุ้มวัดต่างๆ รวมทั้งสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ กระต่าย ภาชนะดินเผา และปลานิล ในลำเรือ
               โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว ททท.ได้พิจารณาหน่วยงานที่มีศักยภาพ และชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายด้านงานศิลป์ จำนวน 16 หน่วยงาน   แล้วคัดเลือกให้เข้าร่วมประกวดจำนวน  9  หน่วยงานเข้าร่วมประกวด ได้แก่  1. จังหวัดชัยนาท        2.กองทัพอากาศ  3.โรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์  4.กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ 5. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 6.บริษัทอาร์ต อิท จำกัด  7.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี     8. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และ 9. บริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด




อบจ.อุบลฯ รับมือภัยแล้งจัดตั้งศูนย์สนับสนุนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภค-บริโภค

นายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาภัยแล้งปีนี้หลายพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานีเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ชาวบ้านเดือดร้อน ไม่มีน้ำอุปโภค-บริโภค ตลอดจนพืชผลทางการเกษตรเริ่มเสียหาย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตลอดจนอัคคีภัย หรือ ภัยพิบัติอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน 
               องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี โดยฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภค-บริโภค โดยการจัดหาน้ำสะอาดสำหรับอุปโภค-บริโภค ให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์โอท๊อปเซ็นเตอร์ อบจ.อุบลฯ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 045-250333 สายด่วนอบจ.อุบลฯหรือประสานงานมาที่ สิบเอกเด่นฤกษ์ กุลบุตร หน.ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร 080-1750050

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เจาะทำเลทองใหม่จัดสรรภูธร


แม้ปัจจุบันบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่จากส่วนกลางตลอดจนค้าปลีกขนาดใหญ่จะตบเท้าขยับไปปักธงตามหัวเมืองใหญ่กันมากพอสมควร แต่แนวโน้มปี 2556 เป็นต้นไป ประเมินว่าจะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น โดยนายชาติชาย

พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ฟันธงว่า สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2556 จะขยายฐานออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายผลักดันโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ เช่นรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง โครงการทางพิเศษเชื่อมระหว่างเมือง ทางพิเศษเชื่อมเมืองชายแดนโครงการทางพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)สายต่างๆ ส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ เมื่อเทียบกับกทม.ที่มีอัตราเติบโตคงที่ อย่างไรก็ดีจากการสำรวจพบว่าการขยายตัวบ้านแนวราบในต่างจังหวัดสูงกว่ากทม.ประมาณสองเท่าตัว ขณะที่แนวสูงโตกว่ากทม.หนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ ยังคงมีเรื่องของธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่นค้าปลีก พาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ 

ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด นอกจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐแล้ว ยังต้องพิจารณาด้านรายได้ต่อหัวของประชากร ที่ผู้ประกอบการต้องเลือกเข้าไปลงทุนเพื่อความได้เปรียบโดยเฉพาะเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว เช่น ระยอง รายได้ต่อหัวสูงสุดของประเทศ 1.2 ล้านบาทต่อคนต่อปี รองลงมาชลบุรี 5.4 แสนบาทต่อคนต่อปี สมุทรปราการ กว่า 5 แสนบาทต่อคนต่อปี สมุทรสาคร 5.2 แสนบาทต่อคนต่อปี พระนครศรีอยุธยา 4.6 แสนบาทต่อคนต่อปี ภูเก็ต 3.2 แสนบาทต่อคนต่อปี ประจวบคีรีขันธ์ 1.3 แสนบาทต่อคนต่อปี สงขลา 1.3 แสนบาท ต่อคนต่อปี เชียงใหม่รายได้ 92,000 บาทต่อคนต่อปี นครราชสีมา 6.6 หมื่นบาทต่อคนต่อปี นอกจากนี้ยังมี สระบุรี เขาใหญ่ ที่ขณะนี้เป็นทำเลทองฮอตฮิตของอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ

ปัจจัยต่อมา คือ เมืองการค้าชายแดน ที่ติดกับไทย พบว่ามีธุรกรรมปีละ 7.5 แสนล้านบาท ส่งออก 4.6 แสนล้านบาทต่อปี ที่เป็นทำเลทองด้านพัฒนาที่ดินเช่น หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี ตราด ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ขณะที่จังหวัดที่มีผลพวงเกี่ยวกับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน หรือเออีซี อย่างไรก็ดี ทุกภาคจะมีโครงการของรัฐ เช่น ภาคเหนือ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (ไทย-ลาว) ที่เชียงของเชียงราย ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เชียงของ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ภาคอีสาน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย รถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-ขอนแก่น โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่อุบลราชธานี และนครราชสีมา โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช โครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรีเชื่อมทวาย ฯลฯ

สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 ช่วง 11 เดือน เมื่อเทียบกับปี 2554 อัตราการเติบโตใกล้เคียงกันแต่หากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อ ปี 2555 ดูจะสูงกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า อสังหาฯ ในปีนี้จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ส่งผลให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปล่อยซอฟต์โลน หรือวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 3 แสนล้านบาทให้กับผู้ประสบภัยในช่วงเดือนเมษายน 2555 แยกเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 50% เอสเอ็มอี 50% โดยกระจายให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ ในอัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปีโดยกสิกรไทยได้รับจัดสรร 1.4 หมื่นล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อบ้านใหม่ 8,000 ล้านบาท และอีกส่วนจะเป็นการรีไฟแนนช์ นอกจากนี้ยังมีวงเงินพิเศษ หรือเอ็กซ์ตรา 5 หมื่นล้านบาทซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการขอสินเชื่อมากขึ้น 

เมื่อย้อนดูตัวเลข 6 เดือนแรกของปี 2555พบว่ามียอดปล่อยสินเชื่อรวมสูงถึง 2.2 แสนล้านบาทในจำนวนนี้เป็นซอฟต์โลนสูงถึง 1แสนกว่าล้านบาทหากเทียบกับปี 2554 ทั้งปีมีเพียง 1.5 แสนล้านบาทส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 2555 มีอัตราเติบโตทั้งระบบสูงถึง 5.4% หากครึ่งปีหลังโตเท่ากับปีที่ผ่านมาประเมินว่าปีนี้จะมีอัตราเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัย 9.5% ส่วนปี 2554 เติบโต 7% แต่ย้ำว่าภาพรวมทั้งประเทศจะโตใกล้เคียงกับปี2554 ขณะที่การเติบโตของอสังหาฯจะเกาะติดกับจีดีพี ซึ่งปี 2555 จีดีพีโต 5% ปี2556 โตเพียง 4.6% ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ฟันธงว่า ภาคส่งออก ปี2556 น่าจะดีกว่าปี2555 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องจักรตัวใหญ่ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

นายชาติชายวิเคราะห์ถึงปัจจัยบวก จะเป็นเรื่องของดอกเบี้ยแนวโน้มปี 2556 จะทรงและลง นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าแรง 300บาท มาตรการบ้านหลังแรกส่วนเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติกังวลไม่น่าตกใจที่สำคัญผลกระทบน้ำท่วมฟื้นตัวเร็วและผู้บริโภคยังติดถิ่นที่อยู่ ส่วนผู้ที่วางเงินดาวน์แล้วส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางทำให้การทิ้งดาวน์และมองหาทำเลใหม่จึงน้อยมาก
"ทิศทาง แนวโน้มปี 56 จะเท่ากับหรือดีกว่าปี2555 เหตุผลสำคัญคือ ผู้บริโภคไม่เปลี่ยนทำเลเนื่องจากนิสัยคนไทยติดถิ่น ดอกเบี้ยจะทรง-ลง หากชั่งน้ำหนักแล้ว 60% ดอกเบี้ยจะลง ส่วน 40% จะก้ำกึ่ง"

ส่วนแอลทีวีมาตรการป้องปรามฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์กรณีการบังคับให้ผู้บริโภควางเงินดาวน์ 5% หรือแบงก์ปล่อยกู้แนวราบไม่เกิน 95% ที่เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2556ประเมินว่าไม่กระทบกับกำลังซื้อเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรได้เรียกเก็บเงินดาวน์ 5-10% จากลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนปัจจัยลบ จะเป็นเรื่องของต้นทุนค่าก่อสร้าง แรงงานที่จะกระทบเป็นลูกโซ่ ฉุดให้ราคาบ้านสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯกับยุโรป ไม่กระทบเหมือนอุตสาหกรรมอื่นเพราะมักเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศมากกว่าหากการเมืองดี น้ำไม่ท่วมก็ไร้ปัญหา

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เชิญชมการแข่งขันเซปักตะกร้อ เทศบาลเมืองเดชอุดม คัพ ครั้งที่ 14


               เทศบาลเมืองเดชอุดม ขอเชิญชมการแข่งขันเซปักตะกร้อ เทศบาลเมืองเดชอุดม คัพ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2555 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภทคือ ประเภทประชาชนชาย อายุ 35 ปี ขึ้นไป ชนะเลิศได้รับเงินสด 5,000 บาท ประเภทประชาชนชายทั่วไป ชนะเลิศได้รับเงินสด 7,000 บาท และประเภทเยาวชนชาย อายุ ไม่เกิน 16 ปี ชนะเลิศได้รับเงินสด 2,500 บาท
               ผู้สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันเซปักตะกร้อ เทศบาลเมืองเดชอุดม คัพ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2555 ณ ลานกีฬาศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลเมืองเดชอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23 – 29 พฤศจิกายน 2555 

อาชีวอุบลฯ ส่งเรือไฟร่วมฉลองงาน “สว่างไสวมหานทีแห่งเจ้าพระยา”



       วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ปลื้ม ผ่านคัดเลือกแข่งเรือประดับไฟงานประเพณีลอยกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพฯ จัดทำเรือยาว 90 ฟุต ในกรอบแนวคิดต้นเทียนพรรษาอัตลักษณ์ของจังหวัด พญานาคแห่งความสมบูรณ์ กระต่ายปีพระราชสมภพรัชกาลที่ 9 และปลานิลอาหารที่พระองค์ทรงพระราชทานให้ปวงชนชาวไทยได้กินมาถึงทุกวันนี้      
       ดร.ธนกร ไชยกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวอุบลราชธานี กล่าวถึงการส่งเรือประดับไฟฟ้าเข้าร่วมงานเทศกาลวันลอยกระทง ซึ่งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดประกวดเรือประดับไฟฟ้าเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศได้สัมผัสในเทศกาลระหว่างวันที่ 24-28 พ.ย.ศกนี้ ใต้ชื่อ “สว่างไสวมหานทีแห่งเจ้าพระยา” (The Miracle light of chaopraya) ซึ่งวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการจัดงานให้ส่งเรือประดับไฟฟ้าเข้าร่วมประกวด 1 ใน 9 แห่งของประเทศไทย
      
       สำหรับการดำเนินการจัดเตรียมเรือ คณะครูอาจารย์ และนักศึกษาที่นำโดยนายอุทัย ภูริพัฒน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากร ได้จัดทำเรือชื่อ “เทียนธรรมเทียนพรรษา ส่องเจ้าพระยามหานที สายธารหลอมชีวี ใต้ร่มพระบารมี ธ ทรงธรรม” ซึ่งมีกรอบความคิดจากประเพณีการทำต้นเทียนวันเข้าพรรษา จนกลายเป็นอัตลักษณ์ของชาวเมืองอุบลราชธานี ตัวเรือจึงประดับด้วยต้นเทียนพรรษา พญานาค และชุมชนคุ้มวัด
      
       รวมถึงกระต่ายที่เป็นปีนักษัตร อันหมายถึงปีพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปลานิล โดยความหมายของพญานาคคือ สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นดินแดนแห่ง 3 สายนที ได้แก่ แม่น้ำมูล แม่น้ำชี และแม่น้ำโขง
      
       รูปทรงของพญานาคมีปีก 2 ข้างแทนคุณลักษณะพิเศษที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดอุบลราชธานี ต้นเทียนพรรษาประดับดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งบนฐานพญาหงส์ เพื่อนำเสนอภาพเคลื่อนไหวพระกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รูป “กระต่าย” สัญลักษณ์ของปีเถาะ ทำจากภาชนะดินเผา หมายถึงปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชสมภพ
      
       โดยมี 2 มือประคองอยู่ด้านล่าง สื่อความหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน โดยเชื่อมโยงพุทธวจนะจากพระธรรมบทความว่า “ครูเปรียบเสมือนช่างปั้นหม้อ ผู้ประคับประคองภาชนะดินดิบให้เกิดรูปทรง” ซึ่งความหมายถึงพสกนิกรชาวไทยทั้งมวลที่ได้ดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน
      
       สำหรับสัญลักษณ์ “ปลานิล” เป็นพันธุ์ปลาที่ทรงทดลองเลี้ยง และเพาะพันธุ์ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เมื่อประสบความสำเร็จได้พระราชทานให้กรมประมงนำไปขยายพันธุ์ และแจกจ่ายให้แก่พสกนิกรทั่วไปนำไปเลี้ยง เพื่อเพิ่มอาหารให้ราษฎรของพระองค์มีกินมาจนถึงทุกวันนี้
      
       ดร.ธนกร กล่าวอีกว่า การตกแต่งเรือประดับไฟฟ้านี้ ได้ดำเนินการเกือบเสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว และจะนำเรือเข้าร่วมการซ้อมใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย. ที่สะพานพุทธยอดฟ้าไปสิ้นสุดที่สะพานกรุงธน ก่อนเข้าร่วมประกวดในวันที่ 24-28 พ.ย. โดยมีจุดแสดงแสง สี เสียง พลุไฟที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า และบริเวณสวนหลวงพระราม 8 สำหรับตัวเรือมีความยาว 90 ฟุต มีความสูงจากผิวน้ำ 4.5 เมตร กว้าง 6 เมตร ประดับด้วยไฟฟ้าทั้งลำเรือ
      
       โดยมีเรือที่เข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น ประกอบด้วย เรือจากจังหวัดชัยนาท เรือจากกองทัพอากาศ เรือจากโรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ เรือของกรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ เรือจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เรือจากบริษัทอาร์ต อิท จำกัด เรือของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เรือจากบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด และสุดท้ายเรือจากวิทยาลัยอาชีวอุบลราชธานี
      
       ทั้งนี้ เรือที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดครั้งนี้ จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท รางวัลที่ 2 ได้ถ้วยรางวัลของ นายกรัฐมนตรี พร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท

สำนักศิลปะและวัฒนธรรม ม.ราชภัฏอุบลฯ ประกาศ พ่อดีเด่นราชภัฏ ปี 2555

  ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า สำนักศิลปะและวัฒนธรรม  มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จัดงาน “วันพ่อแห่งชาติ” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2555 ในวันที่ 4 ธันวาคม 2555 ณ หอประชุมไพรพะยอม ซึ่งในปีนี้มีพ่อดีเด่นราชภัฏ ประจำปี 2555 จำนวน 15 คน ดังรายนามต่อไปนี้
ประเภทพ่อของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
1. นายวิชัย  คูณสว่างพ่อของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์
2. นายสมจักร  ชมภูพ่อของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจและการจัดการ
3. นายทองจันทร์ วงษ์วิลาพ่อของนักศึกษาคณะแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก
4. ว่าที่ ร.ท.ธวัชชัย   มาลัยพ่อของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
5. นายนิคม บุญหนักพ่อของนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์
6. นายสมเดช  ประสงค์เสียง  พ่อของนักศึกษาคณะครุศาสตร์

ประเภทพ่อที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
1. ผศ.เสนอ  ภิรมจิตรผ่อง   ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
ประเภทพ่อของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
1. นายสุปัน ปัญญาภาพ่อของ ผศ.รัตนะ ปัญญาภา
2. นายสมหวัง ชาญศิริวัฒน์พ่อของ อ.ฐิติพร ชาญศิริวัฒน์
3. นายสรศักดิ์   สรสุภาพงศ์    พ่อของ ผศ.นรีนุช ยุวดีนิเวศ
4. นายสุระจิตต์  อ่อนฤทธิ์พ่อของ ผศ.สุระเจตน์ อ่อนฤทธิ์
5. นายไมตรี   ศรีษะภูมิพ่อของ อ.มนทยา ศรีษะภูมิ

ประเภทพ่อของพนักงานในมหาวิทยาลัย
1. นายสมบูรณ์   พันธ์งาม   พ่อของ นายศุภศิลป์ พันธ์งาม
ประเภทพ่อที่เป็นบุคคลภายนอก
1. นายหอม  ชินนาค  อายุ 93 ปี
2. นายทา   หมั่นนิยม  อายุ 72 ปี

ประชุมสภา อบจ. ถกปัญหา การก่อสร้างห้างใหญ่ถนนเลี่ยงเมือง และการจำนำข้าว

 บ่ายวันนี้ (20 พฤศจิกายน 55) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี สมัยสามัญ สมัยที่สอง ประจำปี พ.ศ.2555 ครั้งที่สี่
               โดยที่ประชุมนางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ ประธานสภาได้แจ้งให้ที่ปะชุมรับทราบ จากนั้นได้รับรองรายงานประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีสมัยสามัญสมัยที่สอง ประจำปี พ.ศ.2555 ครั้งที่สองและครั้งที่สามทั้งนี้ที่ประชุมได้รับฟังข้อสอบถามของ ส.อบจ.อบ.
               โดยนายปรเมษฐ์ ศรีหล้า ส.อบจ.อบ.เขต 1 อำเภอม่วงฯ ได้สอบถามถึงการก่อสร้างห้างขนาดใหญ่ ที่บริเวณที่ดินรอบๆถนนเลี่ยงเมือง ต.แจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่ม และเป็นแหล่งรองรับน้ำช่วยมิให้น้ำท่วมเมืองอุบลฯ แต่ปัจจุบันมีการปล่อยให้นายทุนเข้ามาถมที่บริเวณดังกล่าวสูงกว่าถนนรอบเมืองและถนนเส้นต่างๆ ตลอดจนสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาน้ำท่วมถนน และได้สอบถามเรื่องการแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำข้าว โดยรัฐบาลได้ทำโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูการผลิตปี 2555-2556 และมอบหมายให้จังหวัดเป็นผู้ดูแล ซึ่งขณะนี้มีชาวนาเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก และได้ข่าวว่ามีการจับกุมโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการบางแห่งทุจริตโครงการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านยังมีความวิตกกังวลในเรื่องการดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกดังกล่าว
               ด้านนายณัฐพงษ์ อึ้งชยากร ส.อบจ.อบ.เขต 1 อำเภอเขื่องใน ได้สอบถามเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ด้วยจังหวัดอุบลราชธานีมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าทุกปี พืชผลทางการเกษตร น้ำในไร่นามีน้อยบางแห่งข้าวยืนต้นตายรวงข้าวเหี่ยวเฉาลีบ ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เกิดความเสียหายแก่ชาวไร่ชาวนาเป็นอย่างมาก ประกอบกับปีนี้ฝนทิ้งช่วงยาวนาน จึงทำให้แล้งเร็วกว่าที่คิดและคาดว่าปีนี้อุบลจะแล้งรุนแรงกว่าทุกปี เพราะหลายพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว หากไม่รีบเตรียมการและวางแผนหาทางช่วยเหลือเกษตรกรจะต้องเดือดร้อนอย่างหนักแน่นอน
               สำหรับปัญหาการก่อสร้างห้างขนาดใหญ่ นายวิษณุ สุทธิ ตัวแทนหน่วยงานโยธาธิการและผังเมือง จ.อุบลราชธานี ได้ตอบคำถามว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของท้องถิ่น คือเทศบาลเมืองแจระแม เป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะได้เข้าไปดูแลเพิ่มเติม
               ส่วนปัญหาโครงการรับจำนำข้าว ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับท้องถิ่น ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด เข้าไปตรวจสอบแล้ว ส่วนทางโรงสีได้มีการหักค่าความชื้น เพราะชาวนาใช้รถเกี่ยวข้าวทำให้ข้าวมีความชื้นสูง ด้านสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี อยากให้เปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความต้องการ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอดอนมดแดง และให้อปท.เข้าไปมีส่วนร่วมในการเป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบการจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล เพราะในแต่ละพื้นที่มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีอยู่แล้ว ใกล้ชิดกับประชาชน อันจะทำให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว

จับอดีตรองนางงามต้นเทียนพรรษาอุบลฯ ค้ายาบ้า


ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองอุบลราชธานี บุกค้นบ้านแฟนอดีตรองนางงามต้นเทียนพรรษาปี 2550 เจ้าตัวไม่อยู่ พบยาบ้าซ่อนในยกทรงอดีตรองนางงามต้นเทียน 10 เม็ดและพบซุกซ่อนใต้หิ้งพระและหลังตู้เสื้อผ้าพร้อมเงิน 1.5 หมื่นบาท สารภาพยาบ้าและเงินเป็นของแฟนหนุ่มที่หนีไปได้ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง       
       วันที่15 พ.ย.55 เมื่อเวลา 07.30 น. พ.ต.ท.วรยุทธ พงษ์ตัน สว.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมชุดปราบปรามยาเสพติดนำหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจค้นบ้านเลขที่ 184 หมู่ 15 ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี หลังมีวัยรุ่นให้การซัดทอดเป็นแหล่งค้ายาบ้า พบ น.ส.จิราภา พันธุ์ลัดดา อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นแฟนของนายธนิต มาธฤทธิ์ ลูกชายเจ้าของบ้านมีอาการพิรุธ และวิ่งหนีเจ้าหน้าที่เข้าไปหลบอยู่ในห้องพระ
      
       เจ้าหน้าที่จึงตามเข้าไปตรวจค้นพบห่อยาบ้าจำนวน 7 เม็ดทิ้งไว้ใต้หิ้งพระและบนหลังตู้เสื้อผ้า เมื่อตรวจค้นบริเวณเสื้อยกทรงของน.ส.จิราภา พบห่อพลาสติกใส่ยาบ้าอีก 10 เม็ด และมีเงินสดอยู่ในกระเป๋าสะพายอีก 15,000 บาท
      
       เมื่อสอบถาม น.ส.จิราภา สารภาพว่า ยาบ้าและเงินทั้งหมดเป็นของนายธนิต มาธฤทธิ์ แฟนหนุ่ม ซึ่งหลบหนีไปได้ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง จึงแจ้งข้อหา น.ส.จิราภามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจะได้ติดตามตัวนายธนิต แฟนหนุ่มมาสอบสวน มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
      
       สำหรับ น.ส.จิราภา ซึ่งถูกจับฐานค้ายาบ้าครั้งนี้อดีตเคยเป็นรองนางงามเทียนพรรษาในเทศกาลงานแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีประจำปี พ.ศ.2550 ด้วย

เชิญร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกสมโภช พระแก้วมรกต รูปเหมือนหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น


206369_341687219257580_1106943473_n.jpg


ขอเชิญร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกสมโภช "พระแก้วมรกต"
และรูปเหมือน หลวงปู้เสาร์ กนฺสีโล - หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2555 ณ วัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต วัดกุดชมภู ประธานจุดเทียนชัย อธิฐานจิตปลุกเสก
พระสงฆ์เถราจารย์สวดพุทธาภิเษกตลอดคืน ชีพราหมณ์สวดอิติปิโส 108
พิธีเริ่มเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
ติดต่อ พระครูอุบลคณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเลียบ โทร.081-7252413
581004_351673718258930_1603848770_n.jpg

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เชิญร่วมงานทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน วัดไชยมงคล ประจำปี 2555

  วัดไชยมงคล ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน กลุ่มมวลชนต่างๆ ดำเนินการจัดโครงการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน เฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี ประจำปี 2555 จังหวัดอุบลราชธานีขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
  • พื่ออนุรักษ์ สืบทอด ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
  • เพื่อทำนุบำรุงและสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่อย่างมั่นคง
  • เพื่อเพิ่มพูนความรัก สมัครสมานสามัคคีในหมู่พุทธศาสนิกชนทุกเชื้อชาติ
  • เพื่อให้เด้กและเยาวชน นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณีนี้สืบต่อไป
               งานมหาบุญจุลกฐินเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนหมู่มากรวมกันเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการดำเนินงาน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การปลูกฝ้ายเพาะเมล็ด หว่าน เติบโต ออกดอกแก่และสุกพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงระหว่างวันออกพรรษาถึงวันลอยกระทง โดยการรวมใจเก็บดอกฝ้ายที่แก่เต็มที่แล้วยังอยู่ในสมอ แล้วนำเอาดอกฝ้ายสีขาวอันบริสุทธิ์มาอิ้วเพื่อเอาเมล็ดออก จากนั้นนำไปดีดในกระเดียดให้เป็นปุย แล้วทำให้เป็นล้อเข็นให้เป็นเส้นด้าย เปียให้ออกมาเป็นไจ กรอออกมาเป็นเข็ด และฆ่าด้วยน้ำข้าว นำไปตากแดดให้แห้ง นำไปใส่อักปั่นเป็นเส้นด้ายเพื่อใส่ในกระสวย แล้วทอมือด้วยฟืมให้เป็นผ้า นำมาตัดเย็บย้อมให้เป็นจีวร เป็นขันธ์ เป็นกระทง จึงนำขึ้นน้อมถวายเป็นผ้าจุลกฐินอันสมบูรณ์ ทุกกระบวนการจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเวลา 1 วัน เท่านั้น โดยมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
1. กิจกรรม "จากเมล็ดฝ้ายสู่ไตรจีวร" คือขั้นตอนการผลิตผ้าจากปุยฝ้ายสีขาวสะอาดจนสำเร็จเป็นผืนผ้าสำหรับใช้ทอดกฐิน มีทั้งหมด 9 ฐานการเรียนรู้
ฐานการเรียนรู้ทึ่ 1 ปลูกฝ้ายเป็นสายบุญ เป็นขั้นตอนการปลูก บำรุงรักษาต้นฝ้าย
ฐานการเรียนรู้ที่ 2 เก็บฝ้ายเป็นสายธาร เก็บปุยฝ้ายสีขาวออกจากสมอฝ้ายที่แก่
ฐานการเรียนรู้ที่ 3 อิ้ว ดีด ล้อ เข็นฝ้ายสายธารธรรม เป็นการคัดแยกเมล็ด ทำให้เป็นปุยฟู ม้วนให้เป็นหลอด เข็นให้เป็นเส้นฝ้าย
ฐานการเรียนรู้ที่ 4 เปีย ปั่นฝ้ายสายศรัทธา การทำให้เป็นไจ ปั่นใส่หลอดเตรียมใส่กระสวย
ฐานการเรียนรู้ที่ 5 กวัก ค้น สืบฝ้ายสายใยบุญ การดึงเอาเส้นด้ายจากกงแล้วนำไปขึงกับเครือไปจนถึงกระบวนการร้อยด้ายยืนเข้ารูเขาสอดด้ายยืนกับรูฟืม
ฐานการเรียนรู้ที่ 6 ต่ำหูก ผูกสายธรรม ขั้นตอนการถักทอให้เป็นผืนผ้า
ฐานการเรียนรู้ที่ 7 ตัดเย็บ เก็บสายใย ขั้นตอนการตัดเย็บให้เป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่ง คือ สบง จีวร หรือสังฆาฏิหรือทั้งหมด
ฐานการเรียนรู้ที่ 8 ย้อมด้ายสายพระธรรม ขั้นตอนการนำผ้าสบง จีวร หรือสังฆาฏิ หรือทั้งหมดที่ตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำไปย้อมด้วยสีธรรมชาติ
ฐานการเรียนรู้ที่ 9 มหาบุญจุลกฐิน พิธีทอดกฐิน
2. กิจกรรมถนนสายข้าว (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวหมู่เฮาได้บุญใหญ่) คือกิจกรรมการเรียนรู้การแปรรูปข้าวไปสู่กระบวนการต่างๆ รวมทั้งหมด ๗ ฐานองค์ความรู้
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวต้ม (ฮ่วมกันเฮ้ดข้าวต้มมัด)
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวหลาม (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวหลาม)
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวปุ้น (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวปุ้น (ขนมจีน))
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวจี่ (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวจี่)
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวมธุปายาส (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวมธุปายาส)
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวเม่า (ฮ่วมกันเฮ้ดข้าวเม่า)
  • ฐานการเรียนรู้เรื่องข้าวโป่ง (ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวโป่ง)
3. กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน (เบิ่งการละเล่นพื้นบ้านอีสานบ้านเฮา) คือกิจกรรมสาธิตการละเล่นพื้นบ้านที่เคยมีมาในอดีต อาทิเช่น
๑. เล่นกระต่ายขาเดียว๒. รีรีข้าวสาร๓. ขาโถกเถก
๔. ม้าก้านกล้วย๕. เล่นหมากเก็บ๖. เล่นเดินกะลา
๗. การเล่นโยนเบี้ย๘. ปี่น้อยจากกอข้าว๙. การเล่นบั้งโผ
๑๐. ม้าหลังโปก๑๑. เล่นตี่จับ๑๒. เล่นขี่ม้าฟันดาบ
๑๓. การเล่นแมวกินปลาย่าง๑๔. บักกิ้งล้อ๑๕. การละเล่นงูกินหาง
4. กิจกรรมถนนสายอาชีพ (แนวเฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน)
  • การทำธูปหอมด้วยวัสดุธรรมชาติ โดยโรงเรียนบ้านนาเลิง
  • กิจกรรมจากเครือข่ายวิทยาลัยอาชีวศึกษา
5. กิจกรรมผู้เฒ่าพาเว้าเหล่านิทาน คือกิจกรรมฟังผู้เฒ่าผู้แก่เล่านิทานพื้นบ้านนิทานธรรมะ นิทานบักเชียงเหมี่ยง นิทานปรำประรา นิทานคติสอนใจ
6. กิจกรรมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน
7. กิจกรรมการแสดงดนตรีไทย
8. กิจกรรมการแสดงหมอลำคู่
9. กิจกรรมการแสดงหนังประโมทัย (หนังบักตื้อ)
10. กิจกรรมการแข่งขันประกวดงานประดิษฐ์ใบตอง ประเภท ขันหมากเบ็ง
11. กิจกรรมการแข่งขัน การขับร้องสรภัญญะ
12. กิจกรรมการละเล่นสาธิต "การรำผีฟ้า" ของชุมชนชาวเขมร
13. กิจกรรมการละเล่นสาธิต "การรำผีไท้ผีแถน" จากชุมชนชาวภูไท
14. กิจกรรมการรับฟังพระธรรมเทศนา 3 ธรรมมาสถ์
15. กิจกรรมการตักบาตรพระกัมมัฏฐาน 109 รูป



กำหนดการจัดงาน ทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน ประจำปี 2555


วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เวลา 08.39 น.พราหมณ์ทำพิธีอัญเชิญเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเข้าสู่ปริมณฑลพิธีบูชา พรรณา ทำขวัญ อภิเษกต้นฝ้าย ณ ลานปลูกฝ้าย
เวลา 09.09 น.พิธีเปิดงาน "ทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐินฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี ประจำปี 2555 จังหวัดอุบลราชธานี"
  • การแสดงรำเอ้ดอกฝ้าย (ณ ลานต้นฝ้าย)
  • ประธาน แขกผู้มีเกียรติ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน ร่วมกันเก็บดอกฝ้าย (นำฝ้ายที่เก็บได้ไปมอบให้ประธานจัดงานที่ฐานการเรียนรู้ที่ 3 เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการผลิตจากเมล็ดฝ้ายสู่ไตรจีวร นำโดยขบวนฟ้อนกลองตุ้ม)
 เวลา 09.39 น.เริ่มกิจกรรมการผลิต "จากเมล็ดฝ้ายสู่ไตรจีวร"
  • ฐานการเรียนรู้จากเมล็ดฝ้ายสู่ไตรจีวร (ทั้ง 9 ฐาน)
  • ฮ่วมกันเฮ็ดข้าวหมู่เฮาได้บุญใหญ่
  • เบิ่งการละเล่นพื้นบ้านอีสานเฮา
  • แนวเฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน (ถนนสายอาชีพ)
  • ผู้เฒ่าพาเว้าเหล่านิทาน
  • ชมการแสดงดนตรีพื้นเมืองอีสานจากสถานศึกษาต่างๆ
  • ชมการแสดงดนตรีไทยจากสถานศึกษาต่างๆ
เวลา 16.00-18.30 น.พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา 3 ธรรมาสถ์ เรื่อง "อานิสงส์การสร้างมหาบุญจุลกฐิน"
เวลา 18.00-21.00 น. การแข่งขันประกวดงานประดิษฐ์ใบตอง ประเภท "ขันหมากเบ็ง"
เวลา 19.00-24.00 น. ชมการแสดงหมอลำคู่ การแสดงหนังบักตื้อ การแสดงดนตรีอีสาน
เวลา 21.00-24.00 น. การแข่งขันขับร้องสรภัญญะ
เวลา 00.00-05.00 น. การละเล่นสาธิต "รำผีฟ้า" ของชาวเขมร
การละเล่นสาธิต "รำผีไท้ผีแถน" ของชาวภูไท
เวลา 03.00-05.00 น. เข้าสู่กระบวนการฐานการเรียนรู้ที่ 3 ตัดเย็บ เก็บสายใย ขั้นตอนการตัดเย็บให้เป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่ง คือ สบง จีวร หรือสังฆาฏิ หรือทั้งหมด
เวลา 05.00-07.00 น. เข้าสู่กระบวนการฐานการเรียนรู้ที่ 8 ย้อมด้ายด้วยสายพระธรรม ขั้นตอนการนำ ผ้าสบง จีวร หรือสังฆาฏิ หรือทั้งหมด ที่ตัดเย็บเรียบร้อยแล้วนำไปย้อมด้วยสีธรรมชาติ
วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เวลา 06.30-07.30 น.  พิธีตักบาตรพระกัมมัฎฐาน จำนวน 109 รูป บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเดิม
เวลา 07.30-09.00 น.  ถวายภัตตาหารพระกัมมัฎฐาน จำนวน 109 รูป (ฉันในบาตร)
เวลา 08.00-09.00 น.  ขบวนแห่ผ้ามหาบุญจุลกฐิน "สามเส้นทางธรรมสืบสานวัฒนธรรม"
เวลา 09.30-10.30 น.  เข้าสู่กระบวนการฐานการเรียนรู้ที่ 9 พิธีทอดมหาบุญจุลกฐิน
มอบของที่ระลึกแก่ประธานในพิธีและแขกผู้มีเกียรติ
เวลา 11.00 น.  ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกาุ - สามเณร
ประธานและแขกผู้มีเกียรติร่วมกันรับประทานอาหาร
เสร็จพิธี

เชิญร่วมเติมฝันปันรัก ร.ร.บ้านหนองยู อ.บุณฑริก จ.อุบลฯ


               ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า โครงการเติมฝันปันรัก ที่งานประชาสัมพันธ์ ได้จัดขึ้นทุกปี ได้มีภาคีเครือข่ายต่างๆ มาร่วมให้การสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ให้การอนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์ข่าว และในปีนี้ งานประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมกับ งานบริการและสร้างเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, เว็บไซด์ไกด์อุบลดอทคอม และคลังน้ำมัน ปตท. อุบลราชธานี พร้อมด้วย มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองร้อยชุดควบคุมที่ ๑๕ จะจัดโครงการเติมฝันปันรัก ครั้งที่ 5 ณ โรงเรียนบ้านหนองยู อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 20 ธันวาคม 2555 เพื่อร่วมกันพัฒนาสถานศึกษาใน จ.อุบลราชธานี ให้มีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน
          สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจาก อ.เมือง จ.อุบลฯ ประมาณ 125 กิโลเมตร เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งสิ้น 40 คน (อนุบาล 6 คน, ป.1 11 คน, ป.2 6 คน, ป.3 7 คน, ป.4 6 คน, ป.5 3 คน และ  ป.6 1 คน) โดยมีครู 2 คน และครูจ้างมาช่วยสอน 1 คน ซึ่งมาจาก จ.สกลนคร และ จ.พิษณุโลก โรงเรียนมีบุคลากรไม่เพียงพอในการดูแลนักเรียนทั้งหมด นอกจากนี้มีเพียงอาคารเรียน 1 หลัง ที่จัดบริการการศึกษาให้เด็กนักเรียน แบ่งเป็น 4 ห้องเล็กๆ ในช่วงฤดูร้อนอากาศร้อนจัด ส่วนฤดูหนาวอากาศหนาวจัด พื้นที่จะมีความแห้งแล้งมาก และในฤดูฝนจะเกิดน้ำท่วมขังบริเวณโดยรอบ ซึ่งการสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก นับว่าเป็นการขาดแคลนที่สำคัญอย่างมาก ทั้งอาคารเรียน สนามกีฬาและนันทนาการ หนังสืออ่านนอกเวลาเรียนในห้องสมุดที่แบ่งจากห้องเรียน เครื่องคอมพิวเตอร์ ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เสื้อกันหนาว และยารักษาโรคต่างๆ เป็นต้น
         ในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่มีจิตกุศลร่วมบริจาคทุนทรัพย์ หรือสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โทรศัพท์ 045-352000 ต่อ 1005-1008 ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2555 

จังหวัดอุบลฯ จัดงานวันสถาปนาอุทยานบึงบัวเฉลิมพระเกียรติ 16 พ.ย.55


 นายเกรียงเดช วัฒนวงษ์สิงห์ นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า อำเภอเมืองอุบลราชธานี ร่วมกับทุกภาคส่วนที่มีจิตอาสาร่วมพัฒนาเมืองอุบลราชธานี ตามนโยบาย 4 นคร คือ นครแห่งธรรม นครแห่งเทียน นครแห่งความฮักแพง และนครแห่งการพัฒนา ได้ร่วมกันก่อสร้างอุทยานบึงบัวเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ โดยกำหนดจัดงานวันสถาปนาอุทยานบึงบัวเฉลิมพระเกียรติ สะออนกุ้มข้าวใหญ่ไทเมืองอุบลราชธานี พิธีปลุกเสกเหรียญพระเจ้าใหญ่พรหมนิมิต รุ่นที่ 1 ในวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 ณ บริเวณศาลาชมวิวบึงหนองขอน ทางเข้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดอุบลราชธานี ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่เวลา 09.00น.เป็นต้นไป
               กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีถวายราชสดุดี พิธีบวงสรวง ตั้งองค์ผ้าป่าสามัคคี รวบรวมปัจจัยและข้าวเปลือก นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การแสดงจากศิลปินแห่งชาติ ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม การบรรยายธรรมทำนองแหล่อีสานกัณฑ์พิเศษ บวชชีพราหมณ์ พิธีพุทธาภิเษกเหรียญพระเจ้าใหญ่พรหมนิมิต รุ่นที่ 1 อธิษฐานจิตปลุกเสกโดยพระครูพิบูลนวกิจ หรือหลวงปู่คำบุ คุตตะจิตโต และพระเกจิอาจารย์มากมาย
               จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญทานบารมีด้วยการบริจาคปัจจัย ข้าวเปลือกร่วมสร้างกุ้มข้าวใหญ่ จัดตั้งโรงทาน ตามกำลังศรัทธา

ม.ราชภัฏอุบลฯ รับสมัครนักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู

ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า  คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาในสังกัดต่างๆ ที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๕
               คุณสมบัติ เป็นครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดต่างๆ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีรายชื่ออยู่ในการสำรวจของต้นสังกัด
               ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่สาขาวิชาชีพครู ห้อง ๓๒.๕๐๑ คณะครุศาสตร์ โทรศัพท์ ๐-๔๕๓๕-๒๐๐๐ ต่อ ๑๒๐๕ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ทุกวัน

ม.ราชภัฏอุบลฯ รับสมัครเรียนพิเศษภาษาเกาหลี รุ่นที่ 6

    ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เปิดรับสมัครเรียนพิเศษภาษาเกาหลี  รุ่นที่ ๖ สอนโดยอาจารย์ชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ สำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไป ๒ ระดับ
               ๑. ภาษาเกาหลีระดับพื้นฐาน  จำนวน ๔๐ คน (เรียนวันอังคาร ๑๐.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องบุณฑริกา ๒)
               ๒. ภาษาเกาหลีระดับกลาง  จำนวน ๔๐ คน (เรียนวันพุธ ๑๐.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องบุณฑริกา ๒) สำหรับผู้ที่เคยผ่านการเรียนระดับพื้นฐานมาแล้ว
               สอบถามรายละเอียด ขอใบสมัครและยื่นใบสมัครได้ที่ งานประกันคุณภาพการศึกษา อาคารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชั้น ๒ โทรศัพท์ ๐-๔๕๓๕-๒๐๐๐ ต่อ ๑๕๓๑  ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยจะเปิดทำการสอน ในวันที่ ๑๐ – ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

เทศบาลตำบลอุบลฉาว ฉกเงินโบนัส พนง.ร้อยละ 5


  พนง.เทศบาลตำบลอุบลกว่า 20 คนรวมตัวเข้าแจ้งความถูกผู้บริหารหักเงินโบนัสไว้ร้อยละ 5 ของอัตราเงินเดือนโดยไม่ชี้แจงนำเงินไปใช้อะไร ด้านปลัดเทศบาลรักษาการแทนนายกเทศมนตรีที่หมดวาระแจงไม่ทราบเรื่อง อ้างจะสอบถามลูกน้องก่อนวางโทรศัพท์หนีไป       
       วันที่13 พ.ย. 2555ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอุบลราชธานี นายณัฐวัตร บุตรพรหม อายุ 34 ปี พนักงานลูกจ้างประจำกองช่าง สำนักงานเทศบาลตำบลอุบล พร้อมเพื่อนพนักงานในแผนกอื่นกว่า 20 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ก้องชนะ บุตรศิริ พนักงานสอบสวน กรณีถูกผู้บริหารสำนักงานเทศบาลตำบลอุบลหักเงินโบนัสคนละ 5 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินเดือน
      
       นายณัฐวัตรเล่าว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.หัวหน้าแผนกของพนักงานในเทศบาลฯ เรียกให้ไปลงชื่อรับเงินโบนัสคนละ 1 เดือน เพื่อตอบแทนที่ช่วยกันทำงานให้เทศบาลฯ มาครบปี ปรากฏว่าหลังได้รับซองบรรจุเงินนำเปิดออกดูมีการหักเงินของพวกตนไปคิดเป็นร้อยละ 5 ตามอัตราเงินเดือนของแต่ละคน
      
       จึงสอบถามหัวหน้าแผนกที่นำเงินมาให้ ได้รับคำชี้แจงว่าผู้บริหารสั่งให้หักเงินจำนวนดังกล่าวไว้ โดยไม่ให้เหตุผล พวกตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมเนื่องจากไม่มีการชี้แจงจะนำเงินที่หักไว้ไปทำประโยชน์อะไรให้พนักงาน จึงปรึกษาและรวมกลุ่มกันเข้ามาแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ เพราะพนักงานของสำนักงานเทศบาลฯ แห่งนี้มีกว่า 160 คน มีเงินถูกหักไว้เกือบ 1 แสนบาท
      
       เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกประจำวันรับแจ้ง พร้อมให้พนักงานนำเอกสารมาให้เพิ่มเติมเพื่อสืบสวนหาคนที่ยักยอกเงินของพนักงานมาดำเนินคดีต่อไป
      
       ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายวีระชัย คำล้าน ปลัดเทศบาลตำบลอุบล รักษาการแทนนายกเทศมนตรีที่หมดวาระไปเมื่อ 1 เดือนก่อน ระบุว่าไม่ทราบเรื่องการหักเงินตามที่พนักงานเข้าแจ้งความ ต้องสอบถามจากลูกน้อง พร้อมกับวางสายโทรศัพท์โดยไม่ให้คำตอบใดๆ


สื่อนอกตีข่าวคู่หูหนุ่มอุบลฯ ถูกยิงปางตายหลังเต้น “กังนัมสไตล์”


   สื่อต่างประเทศรายงาน หนุ่มอีสาน2 คนอาการสาหัส หลังถูกสาดกระสุนใส่เพราะเต้นท่าควบม้าประกอบเพลงฮิต “คังนัม สไตล์” ของศิลปินแดนกิมจิ “Psy” กลางงานวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ระบุ ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วในประเทศไทยที่เกิดเหตุรุนแรงเกี่ยวข้องกับเพลงฮิตดังกล่าว      
        รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนักระบุว่า เกิดเหตุชายวัยรุ่นคนหนึ่งชักปืนลูกซองยิงใส่หนุ่มอีสานวัย 24 ปี และ 17 ปีอาการสาหัสเมื่อวันอาทิตย์ (11) และหนึ่งในนั้นถูกยิงเข้าที่ใบหน้า โดยสาเหตุเกิดจากมือปืนขาโจ๋วัย 19 ปีซึ่งหลบหนีไปหลังก่อเหตุ เกิดรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่สองหนุ่มเต้นควบม้าอันเป็นท่าประกอบเพลงฮิต “คังนัม สไตล์” บริเวณหน้าเวทีหมอลำ กลางงานวัดแห่งหนึ่ง
      
        ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศระบุว่า มือปืนเกิดความไม่พอใจและรู้สึกขัดหูขัดตาที่ เหยื่อกระสุนทั้ง 2 รายลุกขึ้นเต้นท่าควบม้าที่กำลังฮ็อตฮิตแพร่ระบาดไปทั่วโลก ระหว่างการแสดงหมอลำ แทนที่จะร่ายรำประกอบจังหวะตามสไตล์พื้นบ้าน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาระงับเหตุและส่งตัวมือปืนกลับบ้าน
      
        ทั้งสองหนุ่มซึ่งเดินทางออกจากงานวัดโดยใช้รถจักรยานยนต์ หลังเต้นรำอย่างสนุกสนาน ในเวลาประมาณ 02.00 น. โดยระหว่างทางพวกเขาได้พบกับมือปืนที่ดักรออยู่ ก่อนที่มือปืนจะลั่นไกใส่ เป็นเหตุเหยื่อที่มีอายุ 24 ปีถูกยิงเข้าที่เบ้าตาข้างขวา ส่วนอีกรายที่มีอายุ 17 ปีถูกยิงเข้าที่แขนและลำตัว อาการสาหัส
      
        ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดอุบลราชธานี มิใช่เหตุรุนแรงครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับเพลงฮิต “คังนัม สไตล์” ของ “Psy” หรือ “ปาร์ค เจ ซัง” นักร้องชาวเกาหลีใต้วัย 34 ปี เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา การเต้นประกอบเพลงดังกล่าวเคยนำไปสู่การกราดยิงกลางสถานบันเทิงชื่อดังในย่านเอกมัยของกรุงเทพฯมาแล้วเช่นกัน ส่งผลให้ประเทศไทยต้องถูกจารึกไว้ว่าเป็นดินแดนเพียงแห่งเดียวของโลกที่มีคนถึงขั้นจะเอาชีวิตกันเพราะเพลงยอดนิยมเพลงนี้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา