วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รพ.พระศรีมหาโพธิ์ ร่วมกับศูนย์สุขภาพจิตที่ 7 จัดงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ปี 2555

รพ.พระศรีมหาโพธิ์  ร่วมกับ  ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7
จัดงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ปี 2555
“รวมพลังสร้างรอยยิ้มให้เด็กและสตรี”

               ขอเชิญร่วมงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2555 (เว้นวันหยุดราชการ) ร่วมชมนิทรรศการสุขภาพจิต“รวมพลังรอยยิ้มให้เด็กและสตรี” ณ บริเวณชั้น 1 อาคารผู้ป่วยนอกและอำนวยการ กิจกรรมภายในงาน
  • กิจกรรมการประเมินสุขภาพจิต เช่น ประเมินความสุข, ประเมินความเครียดและประเมิน EQ
  • เผยแพร่เอกสารสุขภาพจิต
  • รับฟังคำแนะนำการทำอย่างไรจึงจะมีความสุขจากวิทยากร
  • บริการนวดเพื่อบำบัดสุขภาพจิต
  • นิทรรศการความรู้สุขภาพจิตเกี่ยวกับ Every woman every child, EQ, ความสุขสร้างได้, ความเครียด และเด็ก
กิจกรรมสุขภาพจิตเคลื่อนที่
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ณ สุนีย์ แกรนด์ โฮเทล
  • แบบประเมินสุขภาพจิต
  • นิทรรศการสุขภาพจิต “รวมพลังสร้างรอยยิ้มให้เด็กและสตรี”
  • รถโมบายคลายเครียด
  • กิจกรรมการสร้างเสริม EQ ในเด็กและวัยรุ่น สำหรับเด็กและผู้ปกครอง
  • กิจกรรมการคลายเครียด สำหรับสตรีและคนทั่วไป

มีเอกสารสุขภาพจิต แจกฟรี
บริการน้ำสมุนไพรคลายทุกข์ สร้างสุขตลอดงาน

เยาวชนตาสว่างอุบลฯ ผุดกิจกรรมใช้ทีวีเป็นเครื่องมือ หวังสังคมตื่นรู้ ผู้ใหญ่ตื่นตัว

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ห้องบัวทิพย์ 5 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ศูนย์ประสานงานสื่อสร้างสุขภาวะเด็กและเยาวชน ภาคอีสาน (ศสอ.) ร่วมกับสื่อสร้างสุขอุบลราชธานี จัดเวทีเสียงของเด็ก "คิด สะท้อนสังคม" โดยมีกลุ่มเด็กเยาวชนตาสว่าง กลุ่มเยาวชนอีสาน Young กล้าดี กลุ่มเยาวชนแว่นขยาย กลุ่มสื่อใสวัยทีน กลุ่มเยาวชน NJ ผู้ประกาศปอดสะอาด รวมทั้งแกนนำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกว่า 30 คน เข้าร่วมในกิจกรรม
               อาจารย์สุรสม กฤษณะจูฑะ นักวิชาการ/ที่ปรึกษา ศสอ.กล่าวว่า เครือข่ายเด็กและเยาวชนตาสว่างนี้ มีแนวคิดเพื่อให้เกิดกลุ่มเด็กและเยาวชนที่สามารถมองเห็น ตระหนักถึงปัญหา และสามารถสะท้อนปัญหาจากความคิดของเยาวชนเองออกสู่สังคมและติดตามตรวจสอบผลต่อการเปลี่ยนแปลงในประเด็นนั้นๆ กลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนที่อยู่ในและนอกระบบการศึกษาอายุ 15-25 ปี ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดมหาสารคาม โดยเริ่มต้นที่อุบลราชธานีผ่านกลไกความร่วมมือในพื้นที่ เช่น เครือข่าย กลุ่มเด็กเยาวชน ร่วมกับสื่อมวลชน จนพัฒนาเป็นรายการ"ฟังข่อยแหน่"  "ซึ่งวันนี้มีการสะท้อนข้อมูลเรื่องวัยรุ่นกับเฟสบุค เรื่องวัยรุ่นทีวี และเรื่องค่านิยของวัยรุ่นในปัจจุบัน "เรื่องของเด็ก ถ้าฟังจากสื่อจะได้เเบบนั้น เเต่ถ้าเราสื่อสารจากตัวเด็ก เราจะได้มุมที่ต่าง เราต้องเอาเสียงเด็กตัวเอกเป็นการยืนยันเเละสื่อสารต่อไป" 
               นางสาวปัญญารัตน์ ศรีแย้ม (นีล) กลุ่มเยาวชนสื่อใสวัยทีน บอกว่า บางเรื่องที่สะท้อน ที่ผ่านมาตนคิดคนเดียว ไม่ได้สื่อสาร เมื่อมีพื้นที่แบบนี้ เราได้แชร์ความคิดของเราให้คนอื่นรู้ 
               นายเจนณรงค์ วงษ์วิจิตร กลุ่มเยาวชนแว่นขยาย บอกว่า "การมีพื้นที่ตรงนี้ ดีขึ้นกว่าเราคุยกันคนเดียว คนอื่นดูก็มากกว่าเราดูกันเอง รู้ว่าเราคิดอะไร ต้องการแบบไหน ถ้าผู้ใหญ่รับฟังน่าจะเป็นผลดี เพราะปกติเสียงเด็กเยาวชนเขาไม่ค่อยอยากรับฟังกัน

               นางสาวเสาวนีย์ สายยาง (แอน) กลุ่มเยาวชนอีสาน Young กล้าดี บอกว่า "รายการเเบบนี้เมื่อสื่อสารออกไป คงสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนที่ชมได้บ้าง อีกอย่างเราควรนำข้อมูลไปตรวจสอบตนเองด้วย บางทีเราไม่ได้ดูตนเองว่าตามเขาอยู่  เช่น เรื่องเฟสบุค ฟังเเล้วสะกิดใจ ที่ผ่านมาทำอะไรเเล้วโพสตลอด ตอนนี้ตั้งใจเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม จะไม่โพสเเบบไร้สาระ
               นางสาวปาริษา กิติจันทร์โรภาส (ลูกแก้ว) นักศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี บอกว่า "รายการนี้เป็นช่องทางการสื่อสารหนึ่งของเยาวชนออกไป บางอย่างเป็นเเง่มุม ที่เราเคยรู้ พฤติกรรมบางอย่างเคยทำเเต่ลืมไปเเล้ว การชวนเยาวชนหลายกลุ่มมานั่งวิเคราะห์ทำให้เห็นมุมที่แตกต่าง โดยเฉพาะข้อสรุปในแต่ละประเด็นเยาวชนที่ดูอยู่จะเรียนรู้ สื่อสารจากเราซึ่งอยู่วัยไกล้เคียงกัน มากกว่าฟังจากผู้ใหญ่ที่ ห้าม บอก เตือน หรือพูดเป็นวิชาการ 

               นายตุลาการ เชยจันทา (คำหล้า) บอกว่า "เป็นครั้งเเรกที่ได้ทำรู้สึกตื่นเต้น เป็นการขยายเสียงเราออกไปแม้เป็นการคุยกันในกลุ่มเล็ก ๆ เเต่เนื้อหามีเยอะ ได้เห็นหลายๆเเง่มุม"
               บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และบันทึกรายการเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ส่วนใหญ่เยาวชนมีความตื่นเต้นเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตรายการ และนำเสนอเรื่องราวที่ตนเองสนใจในมุมที่ลึกขึ้น โดยมีอาจารย์จากสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นผู้กำกับและดูแลด้านแอคติ้งและขอบเขตประเด็น 
               ข้อสรุปของการทำงาน เยาวชนอยากให้มีการดำเนินงานต่อ ช่วงท้ายจึงมีการวางแผนการทำงานโดยตั้งเป้าหมายทำรายการรูปแบบนี้ให้เกิดความต่อเนื่อง และพัฒนาให้เกิดความน่าสนใจเช่น สกู๊ปประกอบ มีข้อมูล งานวิจัยรองรับในบางเรื่อง มีการเปลี่ยนบรรยากาศ ใช้พื้นที่ ๆ มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นนั้น  ๆ แผนที่เยาวชนระดมความคิดมีการกำหนดทีมชุดแรก และสร้างกลุ่มทางสื่อออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยน พูดคุย หาประเด็น เก็บข้อมูลพื้นฐาน ก่อนนำมาหารือกำหนดประเด็นคิดสะท้อนสังคมต่อไป  

นักธุรกิจอุดรฯ เล็งเปิดสายการบินแบบเช่าเหมาลำ ประเดิมเส้นทางอุดรฯ-อุบลฯ

       นักธุรกิจเมืองอุดรฯ ทุ่มกว่า 30 ล้านบาทเปิดสายการบินเชื่อมระหว่างภูมิภาค “มาสเตอร์เทค แอร์ไลน์” เบื้องต้นให้บริการแบบเช่าเหมาลำ พร้อมนำเครื่องบินเล็กจากอเมริกาให้บริการ เล็งเปิดเส้นทางบินอุดรธานีเชื่อมพิษณุโลก อุบลราชธานี ก่อนพัฒนาเชื่อมอุดรฯ กับเพื่อนบ้านลาว เขมร รวมถึงเมืองเซินเจิ้น และฮ่องกง ในอนาคต       
       นายพรเทพ ศักดิ์สุจริต ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ในฐานะผู้บริหารบริษัท อุดรมาสเตอร์เทค จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นขอจดทะเบียนสายการบินในนามสายการบินราชพฤกษ์ แต่ชื่อที่จะใช้เป็นเครื่องหมายการค้าคือ “มาสเตอร์เทค แอร์ไลน์” มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยจะใช้เครื่องบินมือสองจากประเทศอเมริกา ยี่ห้อ Piper รุ่น Navajo แบบใบพัด 10 ที่นั่ง ราคา 15 ล้านบาท โดยปลายเดือนพฤศจิกายนนี้เครื่องบินจะเดินทางมาถึง
       
       เริ่มแรกจะเปิดการบินแบบ Charter Flight (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ไปก่อน โดยใช้เส้นทางอุดรธานี-อุบลราชธานี และอีกบริการหนึ่งที่เราจะให้บริการคือเครื่องบิน Amber Blue Lance (แอมบูแลนซ์) ซึ่งคาดว่ากลางเดือนมกราคม 2556 เครื่องบินน่าจะเทกออฟเป็นไฟลต์แรก สำหรับกลุ่มผู้โดยสารที่เรามองไว้ คือกลุ่มนักธุรกิจ AEC ชาวไทยและชาวต่างชาติ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางไปเที่ยว การขึ้นลงของผู้โดยสารเราใช้สนามบินพาณิชย์ตามที่กรมการขนส่งทางอากาศกำหนด
       
       สายการบินได้เตรียมพร้อมไว้ทุกด้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานที่ทำการ การจำหน่ายตั๋ว บุคลากรที่มาทำงาน รอแค่ใบจดทะเบียน และรอเครื่องบินเข้ามาเท่านั้น ที่ผ่านมาได้พูดคุยทำการตลาดไปบ้างแล้ว โดยเจรจากับกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่อุบลราชธานี และอุดรธานี สำหรับการลงทุนได้มีการร่วมทุนในอัตราส่วน 40:40:20 เป็นการลงทุนของชาวอุดรธานี 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นคนกรุงเทพฯ
       
       ต่อไปในอนาคตจะทดสอบตลาดว่าจะมีความต้องการที่จะบินแบบไปเช้า เย็นกลับระหว่างอุดรธานี-อุบลราชธานี, อุดรธานี-พิษณุโลก ค่าโดยสารที่ตั้งไว้เบื้องต้นประมาณเที่ยวละ 2,100 บาท/คน ซึ่งหากการบินเติบโตไปได้ดีจะเปิดตลาดไปที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และจะเปลี่ยนเครื่องบินเป็น 16 ที่นั่ง โดยเฉพาะเส้นทางหัวหิน อู่ตะเภา
       
       ทั้งนี้ ในอนาคตจะเพิ่มเส้นทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา และเส้นทางที่ต้องการบินมากที่สุดคืออุดรธานี-เสินเจิ้น, อุดรธานี-ฮ่องกง ซึ่งอยากจะเห็น
นักธุรกิจมาลงทุนด้านอุตสาหกรรม โดยมุ่งหวังพัฒนา จ.อุดรธานีให้เป็นศูนย์กลางการบินและการค้าในอีสาน

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เชิญร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2555 ณ บริเวณลานพอก ม.ราชภัฏอุบลฯ

ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยจะจัดงานสืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี ๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ณ บริเวณลานพอก สำหรับเปิดโอกาสให้เยาวชน และนักศึกษาได้แสดงศักยภาพในความสามารถด้านต่างๆ โดยมีการจัดประกวดนางนพมาศ  ประกวดกระทง  ประกวดซุ้ม และประกวดวงดนตรีสตริง
        ในโอกาสนี้ขอเชิญนักเรียน นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมประกวด สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองพัฒนานักศึกษา โทรศัพท์ ๐-๔๕๓๕-๒๐๐๐ ต่อ ๑๑๑๗ เพื่อพัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง และร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงาม

ททท.อุบลฯ เชิญร่วมงาน ทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน 23-24 พ.ย.55

ทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน
ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี ประจำปี 2555 จังหวัดอุบลราชธานี
วันศุกร์ที่ 23 – วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555
                     “จุลกฐิน” คือคำเรียกการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน ต้องอาศัยความสามัคคีของผู้มีศรัทธาจำนวนมาก   เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภายในวันเดียว คือต้องเริ่มตั้งแต่เก็บดอกฝ้าย ถักทอเป็นผืนผ้า ตัดเย็บ ย้อมและถวายให้พระสงฆ์   กรานกฐินให้เสร็จภายในเวลาเช้าวันหนึ่งจนถึงย่ำรุ่งของอีกวันหนึ่ง ดังนั้นโบราณจึงถือว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มากเพราะต้องใช้  ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา การร่วมมือกันจัดทำจุลกฐินจึงถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี  ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐิน นิยมทำกันเฉพาะชุมชนทางภาคเหนือ และภาคอีสานเท่านั้น โดยภาคอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” ซึ่งมีความหมายว่าต้องทำอย่างเร่งด่วน
                     ด้วยวีถีของชาวอุบลทีผูกกับพุทธศาสนามาช้านาน แต่ประเพณีดังกล่าวเริ่มเลือนหายไปด้วยความเร่งรีบของการ   ดำเนินชีวิตผู้คนสมัยใหม่  จังหวัดอุบลราชธานี วัดไชยมงคล และพลังศรัทธาของหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และชุมชนต่างๆ  จึงกำหนดจัดงานประเพณีจุลกฐิน  ภายในชื่อ “ทอฝ้ายเป็นสายบุญจุลกฐิน ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี ประจำปี 2555 จังหวัดอุบลราชธานี”  ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2555 ณ ภายในบริเวณวัดไชยมงคล จ.อุบลราชธานี  เพื่อฟื้นฟูประเพณี อันดีงามแสดงออกถึงความรักความสามัคคีของคนในชุมชน และกระตุ้นเตือนเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้สืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นอันดีงามต่อไป
                     นายวิชุกร กุหลาบศรี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี(ททท.สอบ.)   เปิดเผยว่า  นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจมาร่วมงานดังกล่าว นอกจากจะได้ร่วมทำบุญและเรียนรู้ขั้นตอนวิธีการการทำจุลกฐินแล้ว   ภายในงานยังจะได้สัมผัสกับกิจกรรมต่างๆ ที่ได้รับความร่วมมือจากชุมชนในท้องถิ่นมาจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้ศึกษาเรียนรู้มากมาย อาทิ เช่น  กิจกรรมจากเมล็ดฝ้ายสู่ไตรจีวร  ซึ่งแสดงถึงการผลิตผ้าจากฝ้ายจนสำเร็จเป็นผ้าไตรสำหรับใช้ทอดกฐิน   กิจกรรมถนนสายข้าว  ซึ่งรวบรวมขบวนการการแปรรูปข้าวไปสู่อาหารท้องถิ่นชนิดต่างๆ เช่น ข้าวต้ม ,ข้าวหลาม ,ข้าวปุ้น, ข้าวจี่,   ข้าวโป่ง ฯลฯ   กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน  เช่น การเล่นกระต่ายขาเดียว , การเล่นบั้งโผ , การเล่นม้าหลังโปก ,การเล่นบักกิ้งล้อ   ฯลฯ   กิจกรรมถนนสายอาชีพ  กิจกรรมผู้เฒ่าพาเว้าเหล่านิทาน  กิจกรรมแสดงดนตรีพื้นบ้าน กิจกรรมแสดงดนตรีไทย     กิจกรรมแสดงหนังประโมทัย   กิจกรรมแข่งขันประกวดงานประดิษฐ์ใบตอง กิจกรรมแข่งขันการขับร้องสรภัญญะ    กิจกรรมสาธิตการรำผีฟ้า  กิจกรรมสาธิตการรำผีไท้ผีแถน  กิจกรรมรับฟังพระเทศนา ๓ ธรรมาสถ์  กิจกรรมตักบาตรพระ   กัมมัฏฐาน ๑๐๙ รูป
                     นอกจากการร่วมงานประเพณีจุลกฐินแล้ว  ในห้วงเวลาดังกล่าวซึ่งย่างเข้าสู่ฤดูหนาว  แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่นอุทยานแห่งชาติผาแต้ม  เมืองโขงเจียม  ด่านพรมแดนช่องเม็ก  สามพันโบก-บ้านผาชัน  หรือแม้แต่การเที่ยวเชื่อมโยงในประเทศเพื่อนบ้าน คือ สปป.ลาวตอนใต้  ก็ล้วนแต่คุ้มค่าแก่การมาเยือนจังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนตะวันออกสุดของสยาม  
                     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0-4524-3770 , 0-4525-0714   www.tatubon.org

งานเกษตรอีสานใต้ เริ่มแล้ว วันนี้


งานเกษตรอีสานใต้ ประจำปี 2555 ภายใต้แนวคิด มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ เริ่มแล้ววันนี้ 
               ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 
นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงาน เกษตรอีสานใต้ ซึ่ง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดขึ้น ภายใต้ชื่องาน มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนางานด้านการเกษตรอย่างครบวงจร
               สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการเกษตร การฝึกอบรมเพิ่มทักษะการทำสวนยางพารา การประกวดด้านพืชและสัตว์ การพัฒนาสายพันธ์ไก่พื้นเมือง การจัดแสดงผลผลิตการเกษตรที่มีขนาดใหญ่ มุมถ่ายภาพกับสวนหย่อมกังหันลมและดอกทานตะวัน การแสดงศิลปะพื้นบ้าน รวมทั้งการนิทรรศการด้านเครื่องจักรกลและผลผลิตการเกษตรจากภาคเอกชน
ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมกิจกรรมต่างๆภายในงาน เกษตรอีสานใต้ ประจำปี 2555 ภายใต้ชื่องาน มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ ได้ที่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2555

จู่โจมเรือนจำอุบลฯ ยึดของกลางโทรศัพท์ อุปกรณ์เสพยา


 จู่โจมเรือนจำอุบลฯพลบค่ำยึดของกลางโทรศัพท์ อุปกรณ์เสพยาและสมุดเงินหมุนเวียนกว่า 3 แสน
               นายวันชัย สุทธิวรชัย ผวจ.อุบลราชธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่เรือนจำ กว่า 200 นายเข้าทำการจู่โจมตรวจค้น แดน 2 เรือนจำกลางอุบลราชธานี เมื่อช่วงเวลา16.30 น.ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติด และ ล้างเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำ

               จากการตรวจค้นภายในแดน 2 ซึ่งเป็นแดนผู้ต้องขังเด็ดขาดพบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง อุปกรณ์การชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์แบบดัดแปลง 1 ชุด ซิมการ์ดโทรศัพท์ 1 ตัว สมุดบัญชีเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งมีเงินหมุนเวียนค้างจ่ายกว่า 3 แสนบาท และ อุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่งซุกซ่อนในส้วมซึมภายในเรือนนอนห้อง2/4 และ ใต้ตู้เก็บของแดน 2 แต่ไม่พบยาเสพติด ในการตรวจค้นครั้งนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังเครือข่ายยาเสพติดตามหลักฐานที่พบ

               ด้านนายวันชัย กล่าวว่า การจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้ว่าช่วงที่ผ่านมาได้มีบุคคลภายนอกแอบลักลอบโยนโทรศัพท์ และ ยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ จึงมีความเชื่อมั่นว่าในเรือนจำต้องมีเครือข่ายยาเสพติดภายใน ทางผู้บัญชาการเรือนได้นำเรียนขึ้นมาจึงมีการสนธิกำลังขึ้นมาเพื่อทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นก็พบโทรศัพท์ 3-4 เครื่อง ซุกซ่อนในที่ต่างๆ ตรวจพบบัญชีรายชื่อเครือข่ายค้ายาเสพติด ซึ่งเตรียมขยายผลจากบัญชีต่างๆติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการค้าเสพติดที่อยู่นอกเรือนมาดำเนินการตามกฏหมายและยึดทรัพย์กลุ่มขบวนค้ายาเสพติดต่อไป

ชาวบ้าน ต.นาตาล โวย ซื้อวัวโครงการเอสเอ็มแอลแพงเกินจริง


นายรังสรรค์ วงค์เวียน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านโนนตาล ตำบลนาตาล อำเภอนาตาล จ.อุบลราชธานี ได้เรียกชาวบ้านประชุมกรณีนายสมศักดิ์ กำลังทรัพย์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยชาวบ้านได้ร้องเรียนไปทางอำเภอนาตาล โดยกล่าวหาว่าเงินโครงการเอสเอ็มแอลจำนวน 500,000 บาท ที่หมู่บ้านได้รับนำมาพัฒนาหมู่บ้านโนนตาล โดยแบ่งออกเป็น 2 รายการ คือ ซื้อปุ๋ย 250,000 บาท และซื้อวัวเพื่อให้กลุ่มต่างๆเลี้ยงขยายพันธุ์ อีก 250,000 บาท แต่กรรมการฝ่ายจัดชื้อจัดจ้างไม่มีใครรู้เรื่องเลย ซื้อวัวทั้งหมด 24 ตัว และได้เรียกชาวบ้านไปรับไปเลี้ยง ปรากฎว่ามีไม่กี่คนที่ไปรับส่วนมากไม่ยอมรับ สาเหตุเพราะว่าวัวแต่ละตัวที่ชื้อมาในราคาตัวละ 9,500 บาทนั้น ไม่สมกับราคาในท้องตลาด ถ้าจะชื้อกันในระดับหมู่บ้านท้องถิ่นชาวบ้านหลายนคนบอกว่าตัวละไม่เกิน 7 พันบาท ดังนั้นจึงได้ร้องเรียนไปทางอำเภอ แล้วอำเภอก็ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านเรียกประธานคณะกรรมการผู้รับผิดชอบในโครงการนี้มาชี้แจงชาวบ้านทราบ

               นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการมารับว่าที่ทำลงไปเป็นการผิดพลาด ชาวบ้านก็จะอภัยให้ได้ แต่พอถึงเวลานัดหมายที่ศาลากลางหมู่บ้านกลับไม่เห็นหน้าคณะกรรมการ หากไม่มีการรับผิดชอบชาวบ้านจะเข้าไปพบกับนายอำเภอนาตาลอีกครั้ง และถ้าไม่เป็นผลก็จะเดินทางไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการอีกต่อไป

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 อุบล ส่งมอบช่างฝีมือคุณภาพให้ภาคอุตสาหกรรม

นายนคร  ศิลปอาชา  อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  ประธานพิธีส่งมอบผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้สถานประกอบกิจการ ซึ่งโครงการดังกล่าวนับว่าเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ตลอดจนเป็นการสร้างงาน  สร้างรายได้  และความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้แก่ผู้เข้ารับการฝึก 
               โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้มอบหมายให้ นางพจนันท์  ทองวัฒน์  ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ๗ อุบลราชธานี  ดำเนินการฝึกอบรมแรงงานใหม่ ในหลักสูตรฝึกเตรียมเข้าทำงาน  เพื่อผลิตแรงงานใหม่ให้มีทักษะ  ควบคู่คุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน เป็นที่ต้องการของสถานประกอบกิจการ  พร้อมส่งมอบผู้เข้ารับการฝึก หลักสูตรฝึกเตรียมเข้าทำงาน  จำนวน  ๒  สาขาช่าง ประกอบด้วย  สาขาช่างซ่อมรถยนต์  และช่างเครื่องมือกล จำนวน ๓๗ ราย  ให้แก่สถานประกอบกิจการ จำนวน ๓ แห่ง  ประกอบด้วย   สาขาช่างซ่อมรถยนต์  จำนวน ๒๐ คน  ให้แก่ สมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์ สาขาช่างเครื่องมือกล จำนวน ๑๓ คน ให้แก่ บริษัทโคเซ่ อลูมินัม (ประเทศไทย) จำกัด และช่างเครื่องมือกล จำนวน ๔ คน ให้แก่ บริษัทไทรอัมฟส์ โมล์ด เทคโนโลยี จำกัด  เมื่อวันที่  ๒๔  ตุลาคม  ๒๕๕๕  ณ  กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

อบจ.อุบล เร่งช่วยชาวอุบลราชธานี ประสบภัยแล้ง นาขาดน้ำ

  หลายพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง แหล่งน้ำตามคลองธรรมชาติหลายแห่งแห้งขอด เนื่องจากผ่านฤดูฝนมาแล้ว ประกอบกับหลายพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานีฝนตกน้อย ทิ้งช่วงเร็วกว่าปกติจึงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวนา ที่ไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับเลี้ยงต้นข้าว ในช่วงกำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะต้นข้าวที่กำลังตั้งท้อง ออกรวง ต้องการน้ำมากกว่าปกติ
               ซึ่งบ้านดงบังเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง โดยเกษตกรรายหนึ่งบ้านดงบัง ตำบลหนองบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เล่าว่า ที่แปลงนาต้นข้าวกำลังตั้งท้อง และเริ่มออกรวง มีใบเหลืองจากการขาดน้ำ จึงต้องผลันน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำจากแหล่งน้ำดังกล่าวลงสู่นาข้าว หล่อเลี้ยงต้นข้าวจำนวน 20 ไร่ เพื่อให้ต้นข้าวออกผลผลิตเต็มที่ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ต้นข้าวที่ปลูกต้องตายเสียหาย และแห้งตายเป็นบางส่วน ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูแล้ง ชาวนาบ้านดงบัง ตำบลหนองบ่อ อำเภอเมือง จะต้องประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากทุกปีไม่มีน้ำใช้ในการเกษตร
               ด้านนายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ได้สั่งการให้กองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองพัฒนาชนบท องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินการเตรียมความพร้อม ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อดูแลประชาชนให้มีน้ำใช้ เพื่อการเกษตรและอุปโภคได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น เครื่องสูบน้ำ รถแบ็คโฮ และเร่งดำเนินโครงการชลประทานระบบท่อ โดยจะกระจายให้ครบทุกหมู่บ้านในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้ง 25 อำเภอ พร้อมขับเคลื่อนโครงการตาข่ายน้ำ สนับสนุนเครื่องจักรกล ตามโครงการ 1 ตำบล 1 รถแบ็คโฮ เพื่อใช้ขุดสระกักเก็บน้ำ และได้ประชุมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินงานตามแผนแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี  

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โควสุรัตน์"ดึงบางจาก-ไทยออยล์ ลงขัน3พันล้านตั้งโรงงานเอทานอล

กลุ่มทุนเมืองดอกบัว "อุบลไบโอ เอทานอล" ทุ่ม 3,300 ล้าน จับมือบริษัทจากแดนมังกรสร้างโรงงานเอทานอลใหญ่สุดในภาคอีสาน เปิดเดินเครื่องปี"55 กำลังการผลิต 132 ล้านลิตร/ปี ส่งออกตลาดจีน 100% เดินหน้าส่งเสริมเกษตรกร 5 จังหวัดอีสานใต้ปลูกมัน 2 ล้านไร่ ตั้งเป้าไทยเป็นฮับเอทานอล
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท อุบลไบโอ เอทานอล จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทใช้เงินลงทุนประมาณ 3,312 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายเอทานอลจากมันสำปะหลัง มีกำลังการผลิต 4 แสนลิตร/วัน หรือ 132,000,000 ลิตร/ปี ใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังแห้งเป็นวัตถุดิบในการผลิตมากกว่า 850,000 ตัน/ปี สามารถผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95% เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม และเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ซึ่งเอทานอลที่ผลิตได้จะส่งออกไปยังประเทศจีน 100% บริษัทอุบลไบโอ เอทานอลฯก่อตั้งเมื่อปี 2550 มีเงินทุนจดทะเบียน 2,740 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนกับบริษัทไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ซึ่งถือหุ้น 21.28% บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 21.28% และกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม 57.44% โรงงานตั้งอยู่ที่ตำบลนาดี อำเภอนาเยีย อุบลราชธานี นางสาวสุรียสกล่าวว่า การผลิตเอทานอลนั้น จะใช้เทคโนโลยีจากประเทศจีน ซึ่งมีประสบการณ์ในการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลมาแล้วกว่า 80 โครงการ และเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีการผลิตเอทานอลจากมัน สำปะหลังโดยตรง โดยให้บริษัท ZKTY (Guangdong Zhongke Tianyuan New Energy Science And Technology) บริษัทในเครือ China new Energy ที่มีชื่อเสียงและความชำนาญในการก่อสร้างโรงงานเอทานอลเป็นผู้ดูแลด้านการตลาดและการก่อสร้าง และบริษัท OSIC (Oriental Scientific Instruments Import and Export Corp.) ในเครือของสภาวิทยาศาสตร์จีน (Chinese of Academic Science) เป็นผู้ดูแลด้านเทคโนโลยีทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทยังมีกิจการในเครืออีก 2 บริษัท คือบริษัท อุบลเกษตรพลังงาน จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,210 ล้านบาท เป?นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง มีกำลังการผลิต 300 ตัน/วัน และใช้หัวมันสำปะหลังสดเป็นวัตถุดิบในการผลิตวันละ 1,200 ตัน มีพื้นที่ ปลูกมันประมาณ 10,000 ไร่ พร้อมทั้งมีการวิจัยและพัฒนาการเพาะปลูกมัน สำปะหลังให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงยิ่งขึ้น และบริษัท อุบล ไบโอก๊าซ จำกัด ทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท เป็นโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพที่ได้จากโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้เฉลี่ย 36,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งจะนำไปเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการอบแป้ง สามารถใช้ทดแทนน้ำมันเตาได้ถึง 1,350,000 ลิตร/ปี นอกจากนี้ยังนำก๊าซชีวภาพไปผลิตไฟฟ้าขนาด 1.9 เมกะวัตต์อีกด้วย ปัจจุบันบริษัทได้ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ UNFCCC สามารถขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ได้ 60,000 ตัน/ปี ด้านนายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ ผู้จัดการใหญ่และเลขานุการกรรมการ บริษัท อุบลไบโอ เอทานอล จำกัด เปิดเผยว่า การผลิตเอทานอลต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก ปัจจุบันกลุ่มบริษัทอุบลไบโอ เอทานอลฯมีพื้นที่ปลูกมัน สำปะหลังประมาณ 10,000 ไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการวิจัยและพัฒนาการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ผลผลิตที่ได้ทั้งหมดจะเป็นวัตถุดิบป้อนเข้าสู่โรงงานในเครืออุบลไบโอเอทานอล ขณะเดียวกันได้ร่วมมือกับสหกรณ์ท้องถิ่นและลานมันในอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงรับซื้อผลผลิต โดยรับประกันราคารับซื้อขั้นต่ำให้ และมีโครงการส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกมันสำปะหลังใน 5 จังหวัด คืออุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ, มุกดาหาร และยโสธร โดยการสนับสนุนท่อนพันธุ์และปุ๋ย ความรู้และเทคนิคการปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น "เรามีเป้าหมายส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังให้ได้ 2 ล้านไร่ ภายในปี 2555 ปัจจุบันในพื้นที่ 5 จังหวัดมีการปลูกมันสำปะหลังประมาณ 9 แสนไร่ ในจำนวนนี้ปลูกในอุบลฯ 5 แสนไร่ และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายเอทานอลของภูมิภาค ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์โรงงานเอทานอลไป เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา และจะเดินเครื่องผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2555"

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เมืองอุบลหลังห้างดังผุด ดันราคาที่ดินกระฉูดไร่ละ 10 ล้าน !

นักประเมินที่ดินชี้ ราคาที่ดินอุบลสูงเกินจริง เผยห้างดังส่งผลราคาที่ดินพุ่งกระฉูดถึงไร่ละ 10 ล้าน สวนทางราคาประเมินของธนาคาร ขณะที่ราคาประเมินที่ดินต่ำสุดที่ อ.กุดข้าวปุ้น และศรีเมืองใหม่ ราคา 25 บาท/ตร.ว.

นายสถิตย์ มลานวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายประเมินมูลค่าทรัพย์สินของบริษัแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีความเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ราคาที่ดินในปี 2555 ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของนักลงทุนและการใช้ราคาประเมินที่ดินฉบับใหม่ โดยเห็นได้จากการสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น การก่อสร้างห้างเซ็นทรัลพลาซาที่ถนนเลี่ยงเมืองอุบล ศรีษะเกษ พร้อมกันนี้ก็มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในถนนเส้นเดียวกันถึง 4 ราย หมู่บ้านจัดสรร และร้านค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมายในถนนเส้นนี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น การสร้างงาน สร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นมากขึ้น รวมถึงเอื้อประโยชน์ให้อุตสากรรมการท่องเที่ยว และการค้าในแถบชายแดนซึ่งเป็นประตูสู่อินโดจีน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ราคาที่ดินใกล้เคียงเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จากการสอบถามชาวบ้านและนายหน้าขายที่ดินพบว่า ราคาที่ดินสูงถึงไร่ละ 10 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาประเมินของทางธนาคาร

นอกจากนี้จะเห็นว่าราคาที่ดินตามแยกที่เชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียงก็เพิ่มสูงขึ้น เช่น อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ เนื่องจากนักลงทุนมองถึงการเชื่อมโยงด้านการคมนาคม รวมทั้งการขนายถนนวงแหวนรอบนอกเส้นที่ 2 และเส้นที่ 3 เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้าของที่ดินและนายหน้านำมาเป็นปัจจัยในเรื่องราคา ทั้งนี้หากนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจอยากซื้อที่ดินในช่วงนี้ ตนเองขอแนะนำให้เลือกซื้อในแถบชานเมืองจะดีกว่าเพราะในอีกไม่กี่ปีตัวเมืองจะขยายไปถึงรอบนอกแล้ว

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของกรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ปี 2555-2558 ทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 21.34% เป็นกรุงเทพฯ 17.13% และภูมิภาค 21.40% เฉพาะภาคอีสาน สูงสุดยังอยู่ที่ จ.ขอนแก่น ราคา 2 แสนบาท/ตร.ว. ต่ำสุดที่ จ.มุกดาหาร และ จ.อุบลราชธานี ราคา 25 บาท/ตร.ว.โดยเฉพาะจ.อุบลราชธานีราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ ถนนชยางกูร และถนนอุปราช ราคา 1.1 แสนบาท/ตร.ว. และราคาประเมินต่ำสุดอยู่ที่ อ.กุดข้าวปุ้น และ อ.ศรีเมืองใหม่ราคา 25 บาท/ตร.ว.

ทั้งนี้ปัจจัยเรื่องราคาที่ดินจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับ ลักษณะที่ดิน เนื้อที่ การคมนาคม สิ่งแวดล้อม ทำเลที่ตั้งความนิยม การใช้ประโยชน์จากที่ดิน รวมทั้งกฎหมายอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ

ประกาศรับสมัครพนักงานเซ็นทรัลพลาซ่าอุบลราชธานี


show.php.jpgshow.php.jpg

ขนส่งทุ่ม1.5หมื่นล้านผุดศูนย์กระจายสินค้าสิงห์รถบรรทุกขานรับ

กรมการขนส่งทางบก - ขบ. ทุ่มงบฯ 1.5 หมื่นล้านลุยพัฒนา สถานีขนส่งสินค้า 15 แห่งทั่ว ประเทศทั้ง เหนือ-ใต้-อีสาน รองรับเปิด AEC “วัฒนา” เผยปัจจุบันมีเพียง 3 แห่ง เท่านั้นขณะที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจใช้บริการสูง ด้านเอกชนขานรับหลักการระบุเป็นเรื่องดีใช้ข้อได้เปรียบเชื่อมโยงเพื่อนบ้าน พร้อมแนะพื้นที่ใดที่เอกชนมีศักยภาพควรให้เอกชนลงทุนเอง รัฐทำหน้าที่ดูแลก็พอ 

นายวัฒนา พัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ตามแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมนั้น กรมฯ มีอยู่ 2 โครงการที่จะดำเนินการ คือ โครงการจัดทำแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางถนนด้วยรถบรรทุก และโครงการก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยในส่วนของแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้านั้น จะดำเนินการทั้งสิ้น 15 แห่ง โดยแบ่งเป็นการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าเมืองชายแดน จำนวน 7 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตาก หนองคาย มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา และนราธิวาส และการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าเมืองหลัก จำนวน 8 แห่ง คือ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสุราษฎร์ธานี 

“จากการจัดสัมมนาและเสวนาทางวิชาการในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 6-7ครั้งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นดี และมีความต้องการใช้บริการสูง เนื่องจากมีความตื่นตัวในเรื่องการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และยิ่งผู้ประกอบการมาเห็นสถานีขนส่งสินค้า 3 แห่ง ที่กรมฯดำเนินการในปัจจุบันคือ สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล คลองหลวง และร่มเกล้า ก็ยิ่งต้องการให้ดำเนินการโดยเร็ว”

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแต่สถานีขนส่งสินค้าต้นทาง แต่ยังไม่มีสถานีขนส่งสินค้าปลายทางในส่วนภูมิภาค ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและกระจายสินค้าปลายทาง และศูนย์เชื่อมต่อเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง ดังนั้น กรมฯ จึงได้จัดทำโครงการจัดทำแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางถนนด้วยรถบรรทุกขึ้น เพื่อพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพเพื่อใช้เป็นสถานที่รวบรวม คัดแยกสินค้าจากแหล่งผลิตต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งไปยังสถานีขนส่งสินค้าปลายทาง รวมทั้งเพื่อเป็นศูนย์เชื่อมต่อเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งไปยังการขนส่งรูปแบบอื่น โดยใช้รถบรรทุกที่มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณการขนส่ง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหารถบรรทุกเที่ยวเปล่าและลดต้นทุนการขนส่งทางถนนด้วยรถบรรทุก

นายวัฒนา กล่าวถึงเรื่องงบประมาณในการดำเนินการว่า จากการศึกษาในเบื้องแต่ละแห่งจะใช้งบราว 800 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องงบการจัดซื้อที่ดินซึ่งกรมฯไม่สามารถควบคุมได้ ถึงเวลานั้นอาจจะมากกว่านี้ บางแห่งอาจจะถึง 1,000 ล้านบาทก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ ส่วนเรื่องการดำเนินการนั้น แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนจะดำเนินการ 8 แห่งใน 4 ปี ที่เหลือเป็นระยะถัดไปซึ่งทั้ง 15 สถานีจะต้องแล้วเสร็จใน 8 ปี 

นายปราโมทย์ กงทอง นายสมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน กล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ถึงโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าว่า จากที่รับฟังโครงการดังกล่าวในหลักการถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะสามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้และเมื่อเปิด AEC ประเทศไทยก็ได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านหลายอย่าง ทั้งในเรื่องกฎระเบียบในการขนส่งสินค้าผ่านแดน ตัวรถ และระบบลอจิสติกส์ที่จะเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เราก็จะใช้ข้อได้เปรียบนี้ให้เป็นประโยชน์

ส่วนโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนหรือไม่ ต้องดูที่เงื่อนไขของรัฐว่าจะเอื้อต่อการใช้บริการหรือไม่ อย่างไรทั้งนี้โดยส่วนตัวเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรลงทุนเองทั้งหมด จุดไหน พื้นที่ไหน ที่เอกชนมีศักยภาพก็น่าจะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ หรือลงทุน โดยรัฐเป็นผู้กำกับดูแล จึงจะอยู่รอดได้ เพราะที่ผ่านมามีหลายโครงการที่รัฐลงทุนเองแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด หรือกว่าจะอยู่ตัวต้องใช้เวลานับ 10 ปี เช่น สถานนีขนส่งสินค้าชานเมือง 3 แห่งของกรมการขนส่งทางบก กว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลาหลายปี 

ดูโฮม ( อุบลวัสดุ ) ทุนท้องถิ่นเมืองอุบลที่แข็งแกร่ง....

รวยแหวกกรอบ กับเศรษฐี ผู้คิดต่าง

“ซ้อเป็ด-นาตยา ตั้งมิตรประชา” ซือเจ๊นักบู๊ ผู้ครองอาณาจักรวัสดุก่อสร้างเหยียบหมื่นล้าน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท อุบลวัสดุ จำกัด ธุรกิจค้าปลีก-ส่ง วัสดุก่อสร้าง อุบลวัสดุ และ Do Home เปิดตำนานรบสุดมันของพวกเขา

ซ้อเป็ดเป็นลูกสาวร้านโชห่วยในจังหวัดอุบลราชธานี ไม่ได้การศึกษาสูง เธอว่าทรัพย์ที่พ่อแม่ให้ติดตัวมาก็มีแค่ “ความขยัน อดทน รับผิดชอบ และซื่อสัตย์” เธอแต่งงานและเช่าบ้านไม้ขนาดสองห้องมาขายวัสดุก่อสร้าง ทำกันเล็กๆ สองสามีภรรยา

เธอเชื่อในกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เน้นขายของถูกเป็นตัวดึงดูดลูกค้า จากนั้นก็ค่อยๆ หาซัพพลายเออร์ กระจายผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น โดยได้ซัพพลายเออร์ช่วยเหลือในเรื่องการให้เครดิต ธุรกิจจึงค่อยๆ โตขึ้นมาได้

“มาคิดว่าถ้าเราจะโตได้ ก็น่าจะปล่อยเครดิตให้กับลูกค้า เพราะการขายเงินสดหน้าร้านเราโตช้ามาก การที่เป็นร้านท้องถิ่นทำให้มองออกว่าลูกค้าคนไหนเชื่อถือได้ แต่ไม่ได้ปล่อยเครดิตเรี่ยราด เพราะเราจะเจ๊งเอา แต่โฟกัสไปที่ผู้รับเหมาซึ่งเป็นหน่วยราชการ เพราะโอกาสโกงมีน้อยมาก ราชการเป็นรัฐบาล มีประเทศไหนที่รัฐบาลโกงประชาชนมันเป็นไปไม่ได้ จึงเข้าหากลุ่มนี้”

ซึ่งก็ดูจะได้ผล เมื่อธุรกิจของพวกเขาเติบโตเร็วมาก เรียกว่าก้าวกระโดดจากห้องแถวสองห้อง มาเป็นสี่ห้อง และเพิ่มมาเป็นกว่า 2 ไร่ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี

“จากนั้นก็มาปรึกษากับสามี บอกสามีว่าถ้าเราอยู่อย่างนี้เราไม่รอดแน่ ร้านเราเล็กอยู่ในเมือง ขึ้นของ ลงของ ลำบาก การบริหารจัดการก็เริ่มไม่ไหว เลยคิดออกไปนอกตัวเมืองประมาณ 8 กิโล ใจจริงก็เริ่มเครียดนะ เพราะออกมาไกล และต้องถมที่อีกเยอะมาก แต่เราต้องมั่นใจ มันไกลก็จริง แต่สิ่งที่เราจะทำได้คือ เพิ่มไลน์สินค้าได้มากขึ้นจากเดิมกว่า 2,000 ไอเท็ม ก็ถือว่าเยอะแล้วในสมัยนั้น แต่บอกสามีว่า จะเพิ่มเป็น 4 หมื่นไอเท็ม ...เชื่อแม่ทัพใหญ่สิ แม่ทัพจะพาไปเอง” เธอบอก

การทำงานที่สามีเป็นหน่วยคิด ซ้อเป็นหน่วยบุก เรียกว่าลุยอย่างเดียวไม่กลัวใคร เธอสารภาพว่าจริงๆ หัวใจก็หดเหลือนิดเดียว เพราะเสียงห้ามจากคนรอบข้าง กับคำว่า โอกาสเจ๊งมีสูง ขนาดสถาบันการเงินยังโบกมือลาไม่อยากให้กู้

“คิดว่า ถ้าเราจะใหญ่ ความคิดเราใหญ่ แต่พื้นที่ไม่ใหญ่ เราไม่มีทางใหญ่ได้ ความคิดใหญ่ พื้นที่ก็ต้องรองรับ” 
มีร้านใหม่ที่ห่างไกลจากตัวเมือง ซ้อเป็ดเลือกทุบหม้อข้าว หันหลังให้ร้านเก่าที่ติดตลาดไปแล้ว เพื่อมาบุกกับร้านใหม่เต็มที่ 

จากสถานที่ใหญ่ ร้านใหม่ ลุคทันสมัย สินค้าเยอะ เน้นของถูก ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย บนพื้นที่ 24 ไร่ เพียงปีเศษๆ ก็ซื้อที่เพิ่มอีก 39 ไร่ กลายเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ของธุรกิจภูธรที่ใครก็มองข้ามไม่ได้ !

“การทำธุรกิจ เราจะทำสองคนไม่ได้ ถ้าไม่มีทีมงานที่ดี เราเริ่มปลูกฝังเด็กของเราว่า การศึกษาไม่ได้เป็นตัวกำหนดที่ไม่ให้คนเราประสบความสำเร็จ การศึกษาเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น แต่การกระทำเป็นสิ่งที่ทำให้เราชนะเป้าหมาย”
นักบู๊แห่งอุบลวัสดุพร่ำสอนทีมงานของพวกเธอ เพราะมองว่านี่คือหัวใจของความสำเร็จในธุรกิจ ณ วันนี้.......

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โปรแกรมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 รอบคัดเลือกตัวแทน ภาค 3


FriOctober2012161726_sport163.jpg

แนะนำ ผอ.สนง.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29



นายประวิทย์  หลักบุญ
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29(อุบลราชธานี – อำนาจเจริญ)
ภูมิลำเนา       อำเภอกันทรลักษ์  จังหวัดศรีสะเกษ   เกิด  4 มกราคม 2498
การศึกษา       ปกศ. สูง  คณิตศาสตร์ วค.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
                          กศ.บ. คณิตศาสตร์  มศว.มหาสารคาม
                          กศ.ม.  จิตวิทยาพัฒนาครู  มศว.ประสานมิตร
                        ค.ม.  บริหารการศึกษา  มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ
                        กำลังศึกษา ปริญญาเอกบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี
การรับราชการ    รับราชการครู /ผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอ / ศึกษาธิการอำเภอ /   รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 4/ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร  เขต  1/  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร) / ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา  เขต  21 (หนองคาย  บึงกาฬ)
ปณิธาน      ภาพลักษณ์ของผู้เรียนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 
 เก่งวิชาการ  เชี่ยวชาญด้านศิลปะ   ดนตรี  กีฬา   อาชีพและเทคโนโลยี 
มีคุณธรรมนำความรู้   รักความเป็นไทย   ก้าวไกลสู่สากลและอาเซียน
หลักการทำงาน ของ สพม. ๒๙ 
1.ยึดโรงเรียนฐาน  2.สำนักงานสวย  3.ระบบงานดี   4.เทคโนโลยีทันสมัย  5.ประทับใจบริการ
6.ประสานสิบทิศ   7. เกาะติดวิชาการ  8.สร้างผลงานเพื่อเด็กไทย….
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา  โดย ....
      1.ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
      2.  ส่งเสริมพัฒนาการและแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็ก
      3. ส่งเสริม  สนับสนุน  เครือข่ายทางการศึกษา  
โรงเรียนในอนาคต..
     1.มีอิสระ  และเป็นนิติบุคคลเก็บรูปแบบ
     2.ปรับหลักสูตรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
     3.  จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคม
โรงเรียนเป็นนิติบุคคล
    1.ทำงานมุ่งผลสัมฤทธิ์
    2.ทำงานภายใต้นโยบายเดียวกัน
    3.มีความรับผิดชอบและตรวจสอบได้
   4.ทำงานประสานเครือข่าย
ปัญหาที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญในอนาคต
    1.ปัญหาภาวะโลกร้อน
   2.ปัญหาการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์
   3.ปัญหาขาดแคลนอาหารโลกและเทคโนโลยีชีวภาพ
  4.ปัญหาและผลกระทบจากระบบโลจิสติกส์

ปัญหาด้านพฤติกรรม
   1.การทะเลาะวิวาท
  2.ปัญหาด้านชู้สาวหรือมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
  3.ปัญหาด้านการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
  4.ปัญหาด้านการพนัน
  5.ปัญหาด้านยาเสพติด
จุดเน้น  4  ประการ
     1. ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกกลุ่มสาระให้สูงขึ้น อย่างน้อย 5 เปอร์เซนต์
    2. โรงเรียนที่รับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ผ่านการประเมินร้อยละ  100
    3. ขับเคลื่อนและพัฒนาผู้เรียนสู่ประชาคมอาเซียน
    4. แก้ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา
การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กนักเรียน
              1.ปัญหาเด็กนักเรียน             2.ปัญหาด้านการเรียน
              3. ปัญหาด้านสุขภาวะ          4.ปัญหาด้านพฤติกรรม
การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม
             1.มีตัวอย่างหรือต้นแบบที่ดี
             2.มีใจการใกล้ชิดพระศาสนา
            3.ให้ความรู้และหลักธรรมในการดำเนินชีวิต

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เชิญสมัครประกวดกระทง เรือไฟ และนางนพมาศ ในงานประเพณีออกพรรษา 2555


นางรจนา กัลป์ตินันท์ นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เทศบาลนครอุบลราชธานีได้กำหนดจัดงานประเพณีออกพรรษา ไหลเรือไฟ ลอยกระทง และแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2555 ขึ้น  เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี  โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมาย    อาทิ  การประกวดไหลเรือไฟชิงถ้วยประทานทูลกระหม่องหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี การประกวดกระทงขนาดใหญ่ การประกวดนางนพมาศ ในคืนวันออกพรรษา 30 ตุลาคม 2555  ณ บริเวณท่าน้ำตลาดใหญ่
          ในการนี้ เทศบาลนครอุบลราชธานี จึงประกาศรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมประกวด กระทงขนาดใหญ่ การประกวดเรือไฟ และการประกวดนางนพมาศ โดยมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1.     การประกวดกระทงขนาดใหญ่
หลักเกณฑ์ กระทงต้องลอยน้ำได้  ประดับตกแต่งด้วยแสงสว่าง มีขนาดเส้นผ่าเส้นผ่าศูนย์กลางของ กระทงไม่น้อยกว่า 1 เมตร
รางวัลการประกวด
                ชนะเลิศ                 เงินรางวัล 10,000 บาท  พร้อมถ้วยรางวัล
      รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล  7,000  บาท   พร้อมถ้วยรางวัล   
      รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล  5,000  บาท   พร้อมถ้วยรางวัล
      รางวัลชมเชย 4 รางวัลๆละ 2,000 บาท
2.     การประกวดเรือไฟ  2 ประเภท ได้แก่ ประเภทประดับด้วยไฟฟ้า และตะเกียงหรือไต้
หลักเกณฑ์  จัดการประกวดเรือไฟ 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทประดับด้วยไฟฟ้า และตะเกียงหรือไต้
ขนาดของเรือมียาวไม่น้อยกว่า 15 เมตร และความสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร ประดับด้วยดวงไฟไม่น้อยกว่า 1,500 ดวง
รางวัลการประกวด ทั้ง 2 ประเภท
      ชนะเลิศ รับถ้วยประทานทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี      พร้อมรางวัลเงินสด 15,000 บาท
      รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล  12,000  บาท   พร้อมถ้วยรางวัล  
      รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล  10,000  บาท   พร้อมถ้วยรางวัล
      รางวัลชมเชย 3 รางวัลๆละ 3,000 บาท
3.     การประกวดนางนพมาศ
          คุณสมบัติของผู้ประกวด ต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 25 ปีมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน การศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ไม่เคยประกอบอาชีพหรือมีความประพฤติอันที่เป็นรังเกียจของสังคม เป็นผู้มีสุขภาพดีไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
รางวัลการประกวด
           นางนพมาศ                 รางวัลเงินสด  20,000 บาท  พร้อมถ้วยเกียรติยศ และสายสะพาย
          รองนางนพมาศอันดับ 1  รางวัลเงินสด  15,000 บาท  พร้อมถ้วยเกียรติยศ และสายสะพาย
           รองนางนพมาศอันดับ 2  รางวัลเงินสด  10,000 บาท  พร้อมถ้วยเกียรติยศ และสายสะพาย
           ผู้ได้อันดับ 4,5 และ 6     รางวัลเงินสด  5,000 บาท    พร้อมถ้วยเกียรติยศ
          สำหรับผู้สนใจการประกวดทั้ง 3 ประเภท สามารถสมัครได้ที่ สำนักการศึกษาเทศบาลนครอุบลราชธานี ในวันและเวลาราชการ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 045-246060 – 3    ต่อ 139 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซด์เทศบาลนครอุบลราชธานี www.cityub.go.th

เชิญร่วมงานบุญมหากฐินถิ่นนักปราชญ์ ครั้งที่ 8 ปี 2555 เมืองอุบลฯ

 บุญมหากฐินถิ่นนักปราชญ์ ครั้งที่ 8 ปี 2555 เมืองอุบลฯ ยังจัดยิ่งใหญ่คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
            นายสิทธิชัย  โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การจัดงานบุญมหากฐินถิ่นนักปราชญ์ จ.อุบลราชธานี ได้ริเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2548 โดยตนซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษา อบจ.อุบลราชธานี สมัยนั้น ได้ร่วมหารือและวางแนวคิดการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาใน จ.อุบลราชธานี ให้รุ่งเรืองสืบไป และเห็นว่า จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีวัดตั้งอยู่จำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และมีวัดจำนวนมากที่ไม่มีเจ้าภาพจองกฐินในแต่ละปี จึงได้หาแนวทางและร่วมมือกันจัดงานบุญมหากฐินถิ่นนักปราชญ์ขึ้นที่ จ.อุบลราชธานี นับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยได้เชิญนักธุรกิจชั้นนำจากกรุงเทพมหานคร อาทิ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทคอมลิงค์ จำกัด นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีต รมช.กระทรวงพาณิชย์ , นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัท เอเชียโกเด้นไรซ์ จำกัด , นายจรัล วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ อาร์ ดับเบิ้ลยู ยูทิลิตี้ จำกัด และ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ตลอดจนนักธุรกิจและพุทธศาสนิกชนทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี และทั่วประเทศ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น โดยทอดกฐิน ณ ที่ไม่มีเจ้าภาพทั้งใน จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง หรือ เรียกว่าการ ‘ทอดกฐินหลง’ ซึ่งปีแรกได้จัดทอดกฐินทั้งสิ้นเกือบ 900 วัด มีเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศหลั่งไหลมาร่วมเป็นเจ้าภาพมากกว่า 40 ล้านบาท
             “เราประสบความสำเร็จมากในครั้งนั้นเพราะทำให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศที่มีใจใฝ่ธรรมะได้ทราบถึงเรื่องราวของ จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะการเป็นหัวเมืองใหญ่ที่เน้นด้านการเผยแพร่ความรู้และการศึกษาให้แก่ผู้ที่บวชเรียนในสมัยก่อน จนมีผู้มีความรู้เกิดขึ้นมากมายจากหัวเมืองแห่งนี้ ทำให้ จ.อุบลราชธานี ได้ถูกขนานนามว่า ‘เมืองนักปราชญ์’ มาจนถึงทุกวันนี้ และปัจจุบันสังคมเจริญขึ้น เราจึงอยากรักษาขนบธรรมเนียมและความเป็นเมืองนักปราชญ์ให้คงอยู่ ด้วยการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองพร้อมๆ ความเจริญด้านอื่นๆ เพราะศาสนาเท่านั้นที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ เราจึงได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง แม้ระยะหลังตั้งแต่ครั้งที่ 4 เป็นต้นมา อบจ.จะไม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดโดยตรง แต่ตนและคณะก็ยังคงสานต่อเจตนารมณ์เดิม โดยเป็นเจ้าภาพจัดงานบุญมหากฐิน ถิ่นนักปราชญ์ และเชิญชวนพุทธศาสนิกชนให้มาร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยทุกปี เพื่อทอดถวายปีละ 300-400 วัด  แต่ละปีมีเงินจากการบริจาคเพื่อทอดกฐินหลงดังกล่าวมากกว่า 20-30 ล้านบาท ส่วนปีนี้มีกำหนดทอดกฐินทั้งสิ้น  166 วัด ซึ่งนับได้ว่าจากการจัดงานบุญมหากฐิน ถิ่นนักปราชญ์ทุกปี ทำให้พุทธศาสนิกชนตื่นตัวเป็นเจ้าภาพจองกฐินกันมากขึ้น บวกกับความเชื่อแต่เดิมว่าการทำบุญทอดกฐินจะทำได้บุญมาก จึงทำมีผู้จองวัดเพื่อทอดกฐินมากขึ้น”                       นายสิทธิชัย  กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศที่ประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถิ่นนักปราชญ์ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2555 โดยสามารถบริจาคเพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพองค์กฐินได้ที่ โทรศัพท์ 045-435006-8 , 082-7955555 , หรือบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสรรพสิทธิ์ ชื่อบัญชี บุญมหากฐิน ถิ่นนักปราชญ์ เลขที่บัญชี 322-0-32222-0 หรือโทรศัพท์ 02-9610039-41 หรือ 081-6324545 โดยผู้ประสงค์จะรับใบอนุโมทนาบัตรก็สามารถแจ้งเพื่อขอรับและนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย โดยแจ้งชื่อที่อยู่ท่านที่บริจาคผ่านทางโทรสาร 02-9610058 หรือ 045-435005 และ 045-435001 ซึ่งเงินบริจาคทั้งหมดจะถูกนำไปจัดซื้อองค์กฐิน และเป็นเงินเพื่อทอดถวายแก่วัดต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งในปีนี้กำหนดการจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันสมโภช องค์กฐิน และวันที่ 5-28 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันทอดกฐิน โดยเจ้าภาพที่บริจาคสามารถแจ้งความจำนงได้ว่าจะมาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่วัดใดก็ได้ จึงเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมทำบุญครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

เชิญร่วมงานเทศกาลกินเจ มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน อ.วารินฯ 14-23 ต.ค.55

เชิญร่วมงานเทศกาลกินเจ มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน อ.วารินฯ 14-23 ต.ค.55

               มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน กำหนดจัดงานประเพณีกินเจประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 14-23 ตุลาคม 2555 โดยมีกำหนดการดังนี้
วันที่ 14 ตลุาคม 2555เวลา 13.00 น. เชียแก่ (พิธีอัญเชิญเทพเจ้า)
เวลา 14.00 น เชียฮุก (สวดบูชาเที่ยง)
เวลา 16.00 น. มึงกง (สวดบูชาเย็น)
เวลา 19.00 น. เกี่ยเฮีย (สวดมนต์เดินธูป)
วันที่ 15-23 ตลุาคม 2555เวลา 06.00 น. จาก่ง (สวดบูชาเช้า)
เวลา 10.00 น. โงวก่ง (สวดบูชาเที่ยง)
เวลา 16.00 น. มึงก่ง (สวดบูชาเย็น)
เวลา 19.00 น. เกี่ยเฮีย (สวดมนต์เดินธูป)
วันที่ 17, 20, 23 ตุลาคม 2555เวลา 10.00 น. โงวก่ง-เจี่ยเปี้ยว
เวลา 21.00 น. ไหว้ปักเต้า (พิธีต่อดวงชะตา)
วันที่ 22 ตุลาคม 2555เวลา 09.00 น. ปังแซ (ปล่อยสัตว์)
เวลา 10.00 น. โงวก่ง-ฮวกกวง
เวลา 13.00 น. โพวโต่ว (พิธีเซ่นไหว้วิญญาน)
วันที่ 23 ตุลาคม 2555เวลา 23.00 น. ซั่งแก่-เสียฮุก (ขอบคุณพระเจ้า) เสร็จพิธี

               ทั้งนี้ ช่วงระหว่างงาน มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน ได้จัดทำอาหารปิ่นโจไว้บริการเหมือนทุกปี จึงเรียนเชิญท่านที่มีจิตศรัทธา แจ้งความจำนง รับอาหารปิ่นโตได้ที่ ที่ทำการมูลนิธิฯ ตั้งแต่บัดดนี้เป็นต้นไป ในเวลา 08.00 - 16.00 น. ทุกวัน

ชาวอุบลฯ จัดใหญ่จุลกฐินฉลอง 2,600 ปีพุทธชยันตี 23-24 พ.ย.55

       วัดไชยมงคล จ.อุบลราชธานี จัดงานมหาบุญจุลกฐินเฉลิมฉลอง 2,600 ปีพุทธชยันตี 23-24 พ.ย.นี้        
       พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ เจ้าอาวาสวัดไชยมงคล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า วัดไชยมงคลร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด องค์กรภาคีเครือข่ายภาคประชาชน จัดงานบุญประเพณีสืบสานวัฒนธรรมทอฝ้าย เป็นสายบุญจุลกฐินเฉลิมฉลอง 2,600 ปีพุทธชยันตี โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายนศกนี้
       
       สำหรับการจัดงานบุญจุลกฐินครั้งนี้ นับเป็นปีที่ 4 ที่วัดไชยมงคลได้ดำเนินการรวบรวมพุทธศาสนิกชนที่ต้องการทำบุญกับงานจุลกฐินให้มาพร้อมใจกันทำ เพราะการทำจุลกฐินเกิดได้จากความร่วมแรงร่วมใจของชาวพุทธที่มีศรัทธาแรงกล้า
       
       ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยผลิตผ้าไตรจีวร ตั้งแต่เก็บฝ้าย ตัดเย็บ ย้อมและถวายให้พระสงฆ์กรานกฐินให้เสร็จภายในวันเดียว จึงนับว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดาทั่วไปซึ่งต้องทำในระยะเวลาอันจำกัด จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งใช้สร้างความสามัคคีของคนในชุมชน และมีการทำน้อยเนื่องจากมีอุปสรรคมาก ปัจจุบันการจัดงานจุลกฐินจึงพบเห็นในภาคอีสานและภาคเหนือเท่านั้น
       
       สำหรับการจัดงานจุลกฐินเฉลิมฉลอง 2,600 ปีพุทธชยันตีครั้งนี้ วัดไชยมงคลยังร่วมกับภาคีเครือข่ายคนเมืองอุบลราชธานี จัดให้มีการละเล่นพื้นเมืองเพื่อรื้อฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีการละเล่นและการแสดงพื้นเมืองที่เริ่มสูญหายไปจากสังคมเมือง เช่น การเล่นรีรีข้าวสาร เดินกะลา เดินขาโถกเถก ขี่ม้าก้านกล้วย โยนหมากเก็บ เล่นตี่จับ และงูกินหาง
       
       ส่วนการแสดงดนตรีพื้นบ้านมีการแสดงหมอลำคู่ ดนตรีพื้นเมืองคนอีสาน การรำผีฟ้าของชุมชนชาวเขมร รำผีไท้ผีแถน ของชุมชนชาวภูไท การขับร้องสรภัญญะ การแสดงหนังประโมทัย (หนังบักตื้อ) รวมทั้งการประดิษฐ์ใบตองเป็นขันหมากเบ็ง ฟังผู้เฒ่าเล่นนิทาน การแสดงพระธรรมเทศนา 3 ธรรมมาสถ์ และตักบาตรพระกัมมัฏฐาน 109 รูป
       
       จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วไป เข้าร่วมงานบุญมหากุศลจุลกฐินฉลอง 2,600ปีพุทธชยันตี ในช่วงวันเวลาดังกล่าว สำหรับผู้ประสงค์เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วัดไชยมงคลหมายเลขโทรศัพท์ 0-4526-1898 หรือที่ 08-1878-2460 อีเมล chaturong-111@hotmail.com

คณะเกษตรศาสตร์ ม.อุบลฯ จัดงาน เกษตรอีสานใต้ 26 ต.ค.-4 พ.ย.55


 คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดงาน เกษตรอีสานใต้ ประจำปี 2555 ภายใต้แนวคิด มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ
รองศาสตราจารย์ ดร.วัชรพงษ์ วัฒนากูล คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดงาน เกษตรอีสานใต้ ประจำปี 2555 ภายใต้แนวคิด มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ ภายในงานมีนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจ มากมาย เช่น อุโมงค์พืชผัก ผลไม้ ยาวที่สุดในประเทศไทย , สวนศิลป์กินได้ , นิทรรศการ ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้สวน และกล้วยไม้ ที่มีความสวยงามและหาดูยาก ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ , นิทรรศการไก่พื้นเมือง , ชมน้ำเต้ายักษ์ , บวบยักษ์ , ฟักทองยักษ์ และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆที่มีขนาดใหญ่ ,การประกวดร้องเพลง และการแข่งขันเซปักตะกร้อ
               นอกจากนี้มีการจัดสวนหย่อมที่มีความสวยงาม ให้ผู้ที่สนใจได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก, การจำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าเกษตร , การจัดแสดงนิทรรศการจากบริษัทภาคเอกชนทางด้านการเกษตร เช่น ด้านเครื่องจักรกล และการเลี้ยงสัตว์
               สำหรับกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สนใจอยากจะนำผลผลิตทางการเกษตรไปจัดแสดงภายในงาน ติดต่อได้ที่ คุณนิกร ประดับวงศ์ โทรศัพท์หมายเลข 085-549-65630
               จึงขอเชิญนักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเช้าร่วมชมนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เกษตรอีสานใต้ ประจำปี 2555 ภายใต้แนวคิด มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ ที่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2555 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 089-626-5668

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลาวเตรียมปล่อย 6 คนไทยหลังสอบปากคำเสร็จ แต่ญาติต้องจ่ายคนละ 3 หมื่น

       ทหารลาวพร้อมปล่อย 6 คนไทยหลังสอบปากคำเสร็จ แต่ญาติต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดู ค่ายานพาหนะ และค่าทำให้ลาวสูญเสียทรัพยากรที่คนไทยทั้ง 6 คนมาเก็บหาเอาไปจากพื้นที่ประเทศลาว โดยเบื้องต้นมีการประเมินค่าเสียหายไว้ราวคนละ 30,000 บาท       
       จากกรณีทหารลาวจับ 6 คนไทยชาวบ้านหนองบัวพัฒนา ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะขึ้นไปหาของป่าบนเทือกเขาพนมดงรักพรมแดนไทย-ลาว โดยทางลาวอ้างว่าคนไทยทั้ง 6 คนรุกล้ำเข้าไปในเขตลาวโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวไปควบคุมไว้ในฐานทหารลาว เพื่อสอบจุดประสงค์ในการล้ำแดน และเหตุการณ์นี้มีคนไทยสามารถหลบหนีมาได้ 1 คน
       
       ความคืบหน้าล่าสุดวันที่10 ต.ค.  พ.อ.เวิน จำปาสา รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอุบลราชธานี ได้ประสานให้กองร้อยทหารพรานที่ 2601 ประจำด่านผ่านแดนสากลช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีความสนิทสนมกับทางฝ่ายทหารลาวที่เมืองมูลป่าโมก แขวงจำปาสัก ประสานให้ญาติคนไทยทั้ง 6 คนได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์กับคนไทยที่ถูกจับไว้
       
       ก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายทางการลาวว่า ได้ดูแลคนไทยทั้ง 6 คนเป็นอย่างดี และจะไม่ดำเนินคดีใดๆ ต่อคนไทยที่ถูกจับ พร้อมจะปล่อยตัวให้กลับประเทศภายใน 2-3 วัน หลังได้ทำการสอบปากคำและทำเอกสารส่งตัวคนทั้งหมดเรียบร้อย
       
       แต่ทั้งนี้ญาติของคนไทยที่ถูกจับต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดู ค่ายานพาหนะ และค่าทำให้ลาวสูญเสียทรัพยากรที่คนไทยทั้ง 6 คนมาเก็บหาเอาไปจากพื้นที่ประเทศลาว โดยเบื้องต้นมีการประเมินค่าเสียหายไว้ราวคนละ 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้พยายามต่อรองค่าเสียหาย สุดท้ายคาดว่าน่าจะได้รับการลดทอนลงเหลือรายละ 15,000 บาท
       
       ด้านนางลวน ชมพูพื้น อายุ 43 ปี พี่สาวของนายเปิง โคสี 1 ใน 6 คนไทยที่ถูกจับระบุว่า ครอบครัวไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็ต้องช่วยกันหามาไถ่ตัวน้องชายเพราะการถูกควบคุมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านทำให้ญาติพี่น้องไม่สบายใจ พร้อมขอให้ทางการไทยเร่งประสานให้ทางการลาวรีบปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับได้ทั้งหมดออกมาให้ได้โดยเร็วด้วย

มือปืนควบปิกอัพรัวดับหนุ่มอุบลฯ พบมีคดีพยายามฆ่า


มือปืนควบปิกอัพรัวดับหนุ่มอุบลฯ พบมีคดีพยายามฆ่าคนร้ายควบปิกอัพ วีโก้ กระหน่ำยิงหนุ่มอุบลฯ วัย 22 ปี ดับ ขณะกำลังออกไปทำงาน คุ้ยประวัติพบกำลังสู้คดีพยายามฆ่า และเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นหลายกลุ่ม… เมื่อเวลา 07.10 น. วันที่ 11 ต.ค. 2555 มีรายงานว่า พ.ต.ท.กิตติคุณ ศรไชย ร้อยเวร สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งทางวิทยุจาก ร.ต.ต.สิบแสน พวงแก้ว ร้อยเวรป้องกันปราบปราบ ว่า มีเหตุยิงกันตายบนถนนในหมู่บ้านเป้า หมู่ 8 หลังรับแจ้งจึงรายให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับชั้น และพร้อมด้วย พ.ต.อ.สถาพร เอมโอษฐ์ ผกก.สภ.เหล่าเสือโก้ก พ.ต.ต.สันติภาพ สายงาม สวป. พร้อมแผนกสืบสวน รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนนในหมู่บ้าน พบศพนายณัฐวุฒิ เจริญศิลป์ อายุ 22 ปี อยู่บ้าน 143 หมู่ 8 บ้านเป้า ต.เหล่าเสือโก้ก สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่คาง กระสุนทะลุท้ายทอย 1 นัด กกหูขวาทะลุกรามซ้าย 1 นัด และบริเวณแผ่นหลัง 2 นัด กระสุนทะลุหน้าท้อง รวม 4 นัด นอนตายอยู่ริมถนน หน้าบ้านเลขที่ 56 นุ่งกางเกงลายพรางแบบทหาร ใส่เสื้อยืดสีเขียว ตรวจที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีบ้านพักอยู่ในซอยใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายเดินออกมาจากซอยเข้าบ้าน โดยเดินมาคนเดียวเพื่อไปทำงานก่อสร้างกับเพื่อนที่จอดรถรออยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ขณะผู้ตายกำลังเดินมาตามถนนอยู่นั้น ก็มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ 4 ประตู ขับตามหลังมาแล้วปาดหน้าหยุดรถ พร้อมลดกระจกข้างลงกระหน่ำยิงใส่ร่างนายณัฐวุฒิ 4 นัดซ้อน จนทรุดลงไปกองกับพื้น เสียชีวิตคาที่ อย่างไรก็ตาม สำหรับประวัติของนายณัฐวุฒิ ทราบว่าเคยต้องคดีข้อหาพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 5 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว อุทธรณ์สู้คดี รวมทั้งชอบมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ไปมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นบ้านดูน ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุบอกว่า เห็นรถคันดังกล่าวขับวนอยู่ในหมู่บ้าน 2 วันแล้ว และช่วงเช้ามืดก่อนเกิดเหตุก็ขับเข้ามาในหมู่บ้านใกล้จุดเกิดเหตุ 2 รอบ หมายเลขทะเบียนจำตัวเลขไม่ได้ แต่หมวดจังหวัดคือ นครราชสีมา ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน 

มหัศจรรย์ธรรมชาติ ทุ่งดอกไม้หลากสีสัน


ปลายฝนต้นหนาว ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม เป้นช่วงรอยต่อของอากาศ ปริมาณน้ำฝนลดลง ความชื้นในอากาศมากขึ้น เมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่ซุกตัวอยู่ตามซอกหินและใต้พื้นดินกำลังเริ่มต้นวงจรชีวิตอีกครั้ง ธรรมชาติแต่งแต้มความงดงามให้ลานหินกว้างกลายเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสัน หลายชนิดมีชื่อพระราชทานที่ไพเราะ เช่น ดุสิตา (หญ้าขาวก่ำ), สรัสจันทร (ดอกดิน), สร้อยสุวรรณา (หญ้าสีทอง), ทิพเกสร (นกน้อย), มณีเทวา (กระดุมเงิน), เหลืองพิสมร (เอื้องเหลืองพิสมร)
               นอกจากนี้ ยังมี แดงอุบล (เอื้องม้าวิ่ง) ดอกสีแดงอมม่วง เป็นกล้วยไม้ดินที่หายาก พบตามลานหินแถบจังหวัดอุบลราชธานี หญ้าบัว, ดาวไก่น้อย, หงอนนาค, ส้มเช้า, เทียนน้อย, เทียนดอย, หญ้ารากหอม, ดาวดิน, เกล็ดหอย, โคลงเคลง หรือเอนอ้า, ฝ้ายป่า, พุดป่า, หัวไก่โต้ง, หยาดน้ำค้าง, จอกบ่วาย ฯลฯ ดอกไม้ป่านานาพันธุ์เหล่านี้ จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิออกเต็มท้องทุ่ง
               ฤดูกาลที่เหมาะในการชมทุ่งดอกไม้ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงสิ้นปี ไกด์อุบลแนะนำ ลานหินทุ่งดอกไม้ในเขตน้ำตกสร้อยสวรรค์ครับ เพราะเป็นลานทุ่งดอกไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ เคยเสด็จมาทอดพระเนตรติดต่อกันหลายปี และทรงพระราชทานชื่อดอกไม้เหล่านี้ให้  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ป่าได้ที่ ลานหินผาแต้ม และลานหินป่าดงนาทาม
               หากท่านเที่ยวชมดอกไม้ป่าที่เขตป่าดงนาทามแล้ว ท่านยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ และสัมผัสอากาศหนาวที่บริเวณผาชะนะได ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามได้อีกด้วย ท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ผ่านแนวเทือกเขาของประเทศลาว บริเวณรอบ ๆ จะมีทะเลหมอกลอยผ่านแม่น้ำโขง และป่าไม้ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวบันทึกภาพความงามเก็บเป็นที่ระลึก นำไปอวดเพื่อนฝูง
guideubon_8913-10.jpg

    ตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวบ้านชีทวน


                   ชุมชนตำบลชีทวน เป็นชุมชนเก่าแก่ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุบล ประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เส้นทางถนนแจ้งสนิท แล้วเลี้ยวซ้ายตรงแยกท่าวารี เข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร
                   บ้านชีทวน เดิมเป็นถิ่นของพวกขอมซึ่งเป็นนครแห่งหนึ่งชื่อ "นครลำดวน"  ต่อมานครลำดวนล้างไป พระประทุมวงศา เจ้าเมืองอุบลฯ จึงให้ท้าวโหงนคำ พร้อมราษฎร 150 ครัวเรือน เดินทางขึ้นมาตามลำน้ำชีเพื่อสร้างเมืองใหม่ มาถึงโนนลำดวนช้าง (นครลำดวน) เห็นเมืองปรักหักพังมีหัวหน้าขอมนั่งเฝ้าอยู่ ท้าวโหงนคำจึงเข้าไปสอบถามว่าเป็นเมืองเก่า ขอมจึงเชิญท้าวโหงนคำสร้างเมือง ณ แห่งนี้ ปี พ.ศ. 2324 ได้ลงหลักปักเสาเป็นปฐมฤกษ์และตั้งชื่อเมืองว่า "ซีซ่วน" โดยมีความหมายตามภูมินิเวศที่แม่น้ำชีช่วงนี้มีการไหลย้อนขึ้นและเปลี่ยนเป็น ชีทวน ในปัจจุบัน
                   การแต่งกายของคนบ้านชีทวน หากเป็นช่วงเทศกาลงานประเพณีที่สำคัญ นิยมแต่งกายแบบชาวอีสานโบราณ ปัจจุบันหากวันใดตรงกับวันพระ ชาวชีทวนจะห่มขาว นุ่งซิ่น หรือผ้าโสร่ง มาทำบุญตักบาตรแต่เช้ามืด ที่น่าสนใจคือ ชาวบ้านจะนิยมใส่บาตรเฉพาะข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนอาหารคาวหวาน จะใส่ปิ่นโตนำไปถวายที่วัดอีกครั้งหนึ่ง
                   ไกด์อุบลขอเชิญนักท่องเที่ยวและผู้สนใจ ไปทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวที่บ้านชีทวน เวลาประมาณตีหน้าครึ่ง จากนั้นท่านสามารถอยู่เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของตำบลชีทวนได้มากมาย

    เทศบาลนครอุบลฯจัดงานประเพณีออกพรรษา แข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ


                   นางรจนา กัลป์ตินันท์ นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เทศบาลนครอุบลราชธานีได้กำหนดจัดงานประเพณีออกพรรษา ไหลเรือไฟ ลอยกระทง และแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2555 ขึ้น  เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี  
                   โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมาย    อาทิ  การประกวดไหลเรือไฟชิงถ้วยประทานทูลกระหม่องหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีซึ่งเรือไฟแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทประดับตกแต่งด้วยไฟฟ้า และประเภทประดับตกแต่งด้วยตะเกียง การประกวดกระทงขนาดใหญ่ การแสดงแสงสีเสียง และเชิญร่วมลอยกระทงในคืน 15 ค่ำเดือน 11  ซึ่งตรงกับวันออกพรรษา สำหรับในปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 30 ตุลาคม 2555 
                   นอกจากนี้เทศบาลนครอุบลราชธานี ยังมีการจัดแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ 3 - 4 พฤศจิกายน 2555 ณ บริเวณท่าน้ำตลาดใหญ่ ซึ่งมีเรือดังจากทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าว
                   เทศบาลนครอุบลราชธานี ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ประชาชน ร่วมงานประเพณีออกพรรษา     ลอยกระทงในวันที่ 30 ตุลาคม 2555 และเชียร์การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯในวันที่ 3 – 4 พฤศจิกายน 2555 ณ บริเวณท่าน้ำตลาดใหญ่

    วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

    เชิญร่วมงานวันรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา 20 ตุลาคม 2555



    ขอเชิญชาวอุบลฯ ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี
    เนื่องในวันรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา
    วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555 ณ อุโบสถวัดสุทัศนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
                   หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ถือได้ว่าเป็นปูชนีย์บุคคลสำคัญที่เป้นแบบอย่าง สร้างคุณงามความดีเป็นมรดกตกทอดให้กับชาวอุบล ท่านเป็นบุคคลต้นแบบที่ได้ส่งเสิรม สืบสาน ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งวัฒนธรรมไทยอีสานซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่า เป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่เมืองอุบล ให้ชาวอุบลได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา นอกจากเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตแล้ว ท่านยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการเสียสละ กตัญญูกตเวที บำเพ็ญประโยชน์ด้านการอุทิศทรัพย์สินเป็นที่ดินอันเป็นมรดกตกทอด ให้เป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่ง เช่น
      • ศาลาลกลางจังหวัดอุบลราชธานี
      • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี
      • เทศบาลนครอุบลราชธานี
      • ทุ่งศรีเมือง
      • โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี
      • ศาลจังหวัดอุบลราชธานี
      • ที่ว่าการอำเภอเมืองอุบลราชธานี
      • และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
                   วันที่ 20 ตุลาคม 2555 ปีนี้เป็นวันคล้ายวันถึงแก่อนิจกรรม หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา  ขอเชิญชาวอุบลราชธานี ร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของหม่อมเจียงคำ และร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี ณ อุโบสถวัดสุทัศนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุลราชธานี ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป้นต้นไป
    กำหนดการ
    วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555
    เวลา 09.00 น. ตั้งองค์ผ้าป่า ณ อุโบสถวัดสุทัศนาราม
    วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555
    เวลา 07.00 น. ผู้มีเกียรติ ลูกหลาน พร้อมกัน
    เวลา 09.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา 10.00 น. พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี / พระสงฆ์อนุโมทนา / พิธีกล่าวสดุดีหม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา

    เด็ก 5 ขวบเล่นประทัดใส่ขวดถูกตัดนิ้วขาด

           เด็กชายวัย 5 ขวบชาวจังหวัดอุบลราชธานี พิเรนทร์นำประทัดยักษ์ยัดใส่ขวดใช้ฝ่ามือปิด หวังให้เสียงดังขึ้น ส่งผลให้แรงอัดของประทัดตัดนิ้วมือขวาขาดทั้ง 5 นิ้วฝ่ามือฉีกขาด แพทย์ศัลยกรรมกระดูกเร่งผ่าตัดให้ความช่วยเหลือ       
            (6 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แพทย์ได้รับตัว ด.ช.หน่อย (นามสมมติ) อายุ 5 ปี นร.ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านหนองหัววัว ต.บอน อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี ซึ่งนิ้วมือด้านขวาขาดทั้ง 5 นิ้ว ส่วนฝ่ามือถูกแรงอัดของประทัดที่นำมาเล่นเฉือนเนื้อฉีกขาดไปบางส่วน แพทย์ต้องใช้ผ้าทำแผลมาพันไว้รอบข้อมือ
           
           จากการสอบถาม นางสนม พระธาตุ อายุ 65 ปี ยายของ ด.ช.หน่อย ทราบว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 ต.ค.หลานชายนำประทัดขนาดใหญ่มาจุดเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน ที่ข้างบ้าน และได้ทดลองเอาประทัดยัดใส่ลงไปในขวดเปล่าเครื่องดื่มเกลือแร่ โดยหลานชายใช้ฝ่ามือปิดที่ปากขวด เพื่อทำให้ประทัดมีเสียงดังมากขึ้น
           
           แต่ปรากฏว่า หลังประทัดเกิดระเบิดมีแรงอัดจำนวนมาก ทำให้เศษขวดแก้วที่แตกตัดนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว และทำให้ฝ่ามือฉีดขาด ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วที่แตกถูกลำตัวบาดเจ็บเล็กน้อย เบื้องต้นแพทย์ด้านศัลยกรรมกระดูกโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ ได้มาตรวจดูบาดแผล และทำการผ่าตัดมือช่วยเหลือต่อไป