วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

มูลนิธิประชาสังคมจังหวัดอุบลราชธานี ระดมความคิดเห็นสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน 3 ชุมชนเขตอำเภอวารินชำราบ

( 27 ก.ย.55) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ใหญ่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ดร.อรทัย เลียงจินดา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ปรึกษาโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน กล่าวในการจัดเวทีแนวทางและวิธีการกำจัดจุดเสี่ยง เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมูลนิธิประชาสังคมจังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินโครงการขึ้นมา เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเฝ้าระวังและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและในชุมชนของตนเอง โดยมีตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชน ในเขตตำบลโพธิ์ใหญ่ ตำบลคูเมือง และตำบลคำขวาง อำเภอวารินชำราบ เข้าร่วมกิจกรรม 
ตัวแทนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ได้สรุปถึงอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพถนนที่ไม่ดี ภูมิทัศน์ไม่เอื้ออำนวยต่อการจราจร สัญญาณและป้ายจราจร และที่สำคัญคือ การขาดจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนน สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน มีการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรที่ถูกต้องแก่คนในชุมชน สร้างวินัยการใช้รถใช้ถนน สร้างเครือข่ายความปลอดภัยจราจรในชุมชน รณรงค์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุผ่านสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ เสียงตามสายในโรงเรียน และหอกระจายข่าวในหมู่บ้าน 

ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี ประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่าย 3 วัย ฟันดี สร้างเสริมสุขภาพ


ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 11 และ 13 จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่าย 3 วัย ฟันดี สร้างเสริมสุขภาพให้ทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพสมบูรณ์
 
ที่ห้องประชุม โรงแรมสุนีย์แกรนด์ โอเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี พันเอกนายแพทย์บวร แมลงภู่ทอง รองผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่าย 3 วัย ฟันดี สร้างเสริมสุขภาพให้ทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพสมบูรณ์ ซึ่งกรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุข มีแนวทางการดำเนินงานทันตสาธารณสุขประจำปี 2555 มีการจัดบริการด้านสุขภาพช่องปากในหญิงมีครรภ์และเด็กก่อนวัยเรียนถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพการตั้งครรภ์ของมารดา และพัฒนาการของเด็ก ในกลุ่มวัยเรียน ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุมีการปะกวด 80 และ 90 ปี สุขภาพฟันดี และชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก เพื่อให้ ทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพช่องปากที่ดี
ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 11 และ 13 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัด อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, ยโสธร, อำนาจเจริญมุกดาหาร, สกลนคร และจังหวัดนครพนม ร่วมจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นและสร้างกระแสการทำงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากอย่างมีคุณภาพ โดยมีการจัดประกวด CUP ดีเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแม่และเด็กภายใต้โครงการ "โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว” การคัดเลือกเครือข่ายโรงเรียนเด็กไทยฟันดี, ประกวดผู้สูงอายุ 80 และ 90 ปี สุขภาพฟันดีในเขต 7 ซึ่งจะเป็นเวทีที่หน่วยบริการปฐมภูมิ(CUP) กลุ่มโรงเรียนและชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาการทันตสาธารณสุข เพื่อเป็นการขยายเครือข่ายงาน มุ่งหวังว่าการทำงานนโยบายเครือข่าย 3 วัย ฟันดี จะสร้างเสริมสุขภาพให้ทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพสมบูรณ์อย่างเป็นองค์รวม ขยายครอบคลุมในพื้นที่เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 11 และ 13
ในการจัดประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าประชุมประกอบด้วย ทันตแพทย์ ทันตาภิบาล และนักวิชาการจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน และ รพ.สต. คณะครูอาจารย์จากสำนักงานการศึกษาเขตพื้นที่และโรงเรียนต่างๆ ในเขต 11 และ 13 รวม 300 คน ร่วมกิจกรรมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากของชมรมผู้สูงอายุ การประกวดหน่วยบริการปฐมภูมิดีเด่นด้านทันตสุขภาพ การประกวดเครือข่ายโรงเรียนเด็กไทยฟันดี การประกวดผู้สูงอายุ 80 และ 90 ปี สุขภาพฟันดี และการจัดนิทรรศการส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) โรงพยาบาลชุมชน โรงเรียน ชมรมผู้สูงอายุ และประชาชน 

กองสาธารณสุขเทศบาลเมืองวารินชำราบจัดโครงการพัฒนาองค์กร อสม.สู่ความเป็นเอกภาพ ประจำปี 2555


กองสาธารณสุขเทศบาลเมืองวารินชำราบจัดโครงการพัฒนาองค์กร อสม.สู่ความเป็นเอกภาพ ประจำปี 2555
วันที่ 28 กันยายน 2555 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุมวนารมย์ โรงแรมกิจตรงวิลล์ รีสอร์ท กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองวารินชำราบ ได้จัดโครงการพัฒนาองค์กร อสม.สู่ความเป็นเอกภาพ ประจำปี 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์กร อสม. ให้มีความเป็นหนึ่งเดียว สร้างความรักและความสามัคคีภายในกลุ่ม และเพื่อพัฒนาศักยภาพของอสม. ให้มีความรู้ความสามารถ ในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและประชาชนได้อย่างถูกต้อง รวมถึงยังเป็นการสนับสนุนให้งานสาธารณสุขมูลฐาน สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ อาสาสมัครสาธารณสุขสามารถถ่ายทอดความรู้เรื่องงานสาธารณสุขให้แก่ประชาชนและแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการสาธิตและปฏิบัติ สมาธิบำบัดเพื่อการเยียวยาด้วย

ในการนี้ได้รับเกียรติจากนางกนกวรรณ วงศ์ขิง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์และคุณจิรังกรู  ณัฐรังสี นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7 อุบลราชธานี มาเป็นวิทยากรในการอบรมครั้งนี้ โดยมีนายจีระชัย  ไกรกังวาร นายกเทศมนตรี มาเป็นประธานในพิธีเปิด

เทศบาลเมืองวารินชำราบพัฒนาสารสนเทศถนนในเขตพื้นที่เพื่อให้บริการ


นายจีรชัย ไกรกังวาร นายเทศมนตรีเมืองวารินชำราบ อุบลราชธานี ได้มอบหมายนโยบายให้ กองวิชาการและแผนงาน พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Infomation Technology) สำหรับจัดการข้อมูลในด้านต่างๆ ของงานเทศบาล เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับให้บริการแก่พี่น้องประชาชนในชุมชนและสำหรับผู้ที่สนใจได้สามารถ มีข้อมูลไปใช้ประกอบการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ ต่อไป
กองวิชาการและแผนงาน จึงได้พัฒนาจัดทำฐานข้อมูลที่มีของเทศบาล ให้อยู่ในรูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และระบบสารสนเทศทางภูมิศาตร์ (GIS) โดยเน้นการให้บริการภายใต้ระบบเครือข่ายข้อมูลออนไลน์อินเตอร์เน็ต 
ข้อมูลสารสนเทศด้านถนนและเส้นทางคมนาคม ที่มีการพัฒนาข้อมูลในด้านนี้ในเบื้องต้นได้แก่ ชื่อสถานที่ ลักษณะประเภท ที่อยู่ ข้อมูลรายละเอียด รูปถ่าย แผนที่ และวิดีโอ และนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยทำเป็นฐานข้อมูลที่ง่ายในการนำไปใช้ และดำเนินการถ่ายภาพวิดีโอเส้นทางมาร่วมในการนำเสนอข้อมูล ผ่านช่องทางเว็บไซต์เทศบาลคือ www.warincity.go.th โดยจัดอยู่ในหมวด ทม.วาริน GIS ถนน 
การพัฒนาข้อมูลสารสนเทศในส่วนของถนนและเส้นทางคมนาคมในครั้งนี้ จะเป็นการประยุกต์การทำงานด้านสารสนเทศ โดยนำเอาเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าในยุคนี้มาผสมผสานร่วมกัน ซึ่งจะเห็นว่ามีค่าดำเนินการในครั้งนี้น้อยมาก โดยมีเพียงการลงทุนกล้องวีดีโอแบบติดหน้ารถที่มีราคาเพียงพันกว่าบาท นำมาพัฒนาเป็นวีดีโอลงเว็บไซต์ชั้นนำด้านวีดีโอใน www.youtube.com ที่มีการบริการฟรี ซึ่งทำให้เทศบาลสามารถให้บริการข้อมูลที่ดีและเป็นมาตรฐานสากล โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบวีดีโอ
ถนนสถิตนิมานกาล บริเวณประตูเมืองวารินชำราบ อุบลราชธานี
 

.
Dim lights Embed 
.
.
แผนที่ภูมิประเทศแสดงพื้นที่เทศบาลเมืองวารินชำราบและเส้นทางคมนาคม
  
(ดัดแปลงจากแผนที่ภูมิประเทศกรมแผนที่ทหารมาตรส่วน 1:50,000 ระวางที่ 5939 II)
ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่เทศบาลเมืองวารินชำราบและเส้นทางคมนาคม

เทศบาลตำบลแจระแมยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองแล้ว

www.jaeramae.go.th.jpg

ccf12092555_00000 custom.jpg


บรรยากาศวันเปิดโฮมโปรอุบลราชธานี 28 กันยายน 2555








รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จัดงานวันมหิดล ประจำปี 2555

วันมหิดล ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า  น้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก  “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย”  พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่อวงการแพทย์อย่างใหญ่หลวง  ตลอดพระชนม์ชีพทรงทุ่มเทพระวรกายและพระราชทรัพย์เพื่อปลูกฝังกิจการแพทย์และสาธารณสุข  ให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ
            ซึ่งในวันที่ (24 กันยายน 2555) เวลา 07.00 น.โรงพยาบาลสรรพสิทธิ ได้จัดพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระรูปสมเด็จฯพระบรมราชชนก  ณ บริเวณพลับพลาเรือนไทย โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์  การจัดการเสวนา เรื่อง “ก้าวตามรอยพระราชดำรัส  พระราชบิดา” และการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ  เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์ยิ่งต่อแผ่นดิน ทั้งด้านสาธารณสุข การแพทย์ ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการทหาร และด้านการศึกษาของไทยให้เจริญก้าวหน้า ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ
            สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลชีวกฏกมารภัจจ์ ในปีนี้ได้แก่ นพ.ธีรพล วัชรปรีชาสกุล  นายแพทย์เชี่ยวชาญพิเศษ กลุ่มงานรังสีวิทยา  โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โดยประธานในพิธีคือ นายสุรพล สายพันธ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และมีหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมวางพวงมาลาจำนวนทั้งสิ้น 18 หน่วยงาน

มหาดไทย โยกย้าย 24 เก้าอี้ โผนังไม่นิ่ง นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.อุบล

 รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 กันยายนนี้ คาดว่ากระทรวงมหาดไทยจะเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวง จำนวน 24 ตำแหน่ง โดยนายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) อำนาจเจริญ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายจรินทร์ จักกะพาก ผวจ.สกลนคร เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็น ผวจ.สกลนคร นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง เป็น ผวจ.อุดรธานี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.จันทบุรี เป็น ผวจ.ระยอง นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม เป็น ผวจ.เพชรบุรี

               นายสุรชัย ขันอาสา ผวจ.ลำพูน เป็น ผวจ.จันทบุรี นายวินัย บัวประดิษฐ ผวจ.เพชรบุรี เป็น ผวจ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็น ผวจ.ขอนแก่น นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.บึงกาฬ เป็น ผวจ.ชัยภูมิ นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็น ผวจ.นครปฐม นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็น ผวจ.สมุทรปราการ นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.ปทุมธานี นายธานินทร์ สุภาแสน ผวจ.เชียงราย เป็น ผวจ.เชียงใหม่ นายไมตรี อินทสุต ผวจ.พะเยา เป็น ผวจ.ภูเก็ต นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.อุบลราชธานี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ระนอง เป็น ผวจ.ชุมพร นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผวจ.น่าน เป็น ผวจ.เชียงราย นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.สุโขทัย เป็น ผวจ.พิจิตร นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.ร้อยเอ็ด และนายประมุข ลมุล ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.ปัตตานี

ประชาพิจารณ์ “เก็บ 30 บ.- จ.อุบลฯ ไร้ปัญหา แต่การรักษาต่างๆ ยังกระจุกตัวในเมืองใหญ่

   สปสช.เร่งทำประชาพิจารณ์ “เก็บ 30 บาท-นโยบายฉุกเฉิน 3 กองทุน” พบอุบลราชธานีมีปัญหาการเข้าถึงบริการและยา ส่วนคนชนบทห่างไกลเดินทางลำบาก ด้านภาคประชาชนเตรียมรวบรวมเรื่องร้องเรียนผลกระทบร่วมจ่าย เสนอ สปสช.กลาง ต.ค.นี้
       
        (24 ก.ย.) นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สปสช.กำลังจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นทั่วไปประจำปี 2555 ตามมาตรา 18 (13) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งกำหนดให้ สปสช.ดำเนินการประชุมประชาพิจารณ์เกี่ยวกับการให้บริการ การรับบริการตามสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าประชาชนทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการมีความพึงพอใจ หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งมีการดำเนินการอยู่แล้วทุกปี เพื่อนำความคิดเห็นดังกล่าวมาปรับปรุงแก้ไขในประเด็นต่างๆ
       
       “การรับฟังครั้งนี้จะมีทั้งกรณีนโยบายขยายสิทธิประโยชน์ นโยบายบูรณาการ 3 กองทุน กรณีให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งประเด็นการร่วมจ่าย 30 บาท เบื้องต้นได้ให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศดำเนินการประชาพิจารณ์แล้ว คาดว่าจะได้ผลสรุปเบื้องต้นในเดือนตุลาคมนี้” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
       
       นพ.ประทีป กล่าวอีกว่า ล่าสุด จ.อุบลราชธานี ได้ทำประชาพิจารณ์เสร็จแล้ว โดยสรุปได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในเรื่องการร่วมจ่าย 30 บาท แต่มีปัญหาในเรื่องของการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะกรณียาราคาแพง อาทิ โรคมะเร็ง และการรักษาต่างๆ ยังกระจุกตัวในเมืองใหญ่ แต่ในชนบทห่างไกลยังค่อนข้างลำบาก ผู้ป่วยยังต้องเดินทางเข้ารักษาในตัวจังหวัด นอกจากนี้ ในเรื่องนโยบายให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินยังมีปัญหาเรื่องบุคลากร เนื่องจากจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาชีวิต แต่บางแห่งยังไม่เพียงพอ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นแพทย์จบใหม่
       
       นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายการบูรณาการการบริการสาธารณสุข 3 กองทุนอย่างเท่าเทียม ทั้งเรื่องการให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ และผู้ป่วยไต โดยหลักการถือว่าดีและเห็นด้วยตลอด แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือ การร่วมจ่าย 30 บาท เพราะเป็นการเพิ่มภาระบุคลากร เป็นการแบ่งแยกคนชัดเจน สวนทางกับนโยบายบูรณาการการบริการสาธารณสุข ที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำ โดยล่าสุด ทางเครือข่ายฯ ได้ร่วมกับกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เตรียมรวบรวมข้อร้องเรียนต่างๆ จากทั่วประเทศ ถึงผลกระทบจากนโยบายร่วมจ่าย 30 บาท โดยจะนำเสนอต่อ สปสช.ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความคิดเห็นในการประชาพิจารณ์ของ สปสช.ด้วย
       
       “สำหรับนโยบายร่วมจ่าย 30 บาท เบื้องต้นทราบว่าได้สร้างปัญหาในพื้นที่ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ประสงค์จ่าย แต่ยอมบริจาคเงินแทน ขณะที่ทางโรงพยาบาลบางแห่งก็พูดจาไม่ดี อยากให้จ่ายเงิน เพราะระบุว่าเมื่อมีการจ่ายยาก็ต้องจ่ายเงิน ทั้งที่ประชาชนมีสิทธิไม่จ่ายก็ได้ ตรงนี้เป็นความขัดแย้งในพื้นที่ ที่สำคัญ ยังแบ่งแยกชนชั้นชัดเจน เพราะมีข้อยกเว้นว่าคนที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไม่ต้องจ่าย แบบนี้ตีตราคนเกินไป เป็นการสวนทางกับนโยบายลดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน” นายอภิวัฒน์ กล่าว

จับนายช่างโยธาแอบถ่ายคลิป นศ.สาวมรภ.อุบลฯ


  นายช่างโยธาสำนักงาน อบต.ในจังหวัดอุบลราชธานีใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์มาเรียนต่อ แต่ฉวยโอกาสช่วงเพื่อนนักศึกษาสาวเผลอ แอบถ่ายคลิปในห้องน้ำไปสำเร็จความใคร่ตัวเอง เบื้องต้นถูกดำเนินคดีก่อความเดือดร้อนรำคาญและอนาจาร      
       เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ร.ต.อ.วิจิตร พุฒิพิมพ์ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 22 ปีนักศึกษาเอกการสาธารณสุขมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถูกนายสายัณห์ พิมพ์เพ็ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 บ้านนาดี ต.นากระแซง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิป ขณะ น.ส.เอ(นามสมมติ) เข้าห้องน้ำในคณะที่เรียนอยู่ และสามารถจับตัวนายสายัณห์ไว้ได้
      
       จากการสอบสวนนายสายัณห์รับสารภาพว่า ปัจจุบันเป็นนายช่างโยธาของอบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดได้มาเรียนเพิ่มเติมวันเสาร์-อาทิตย์ ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว และพบ น.ส.เอ นักศึกษาที่มาเรียนด้วยมีหน้าตาดี จึงฉวยโอกาสขณะที่ผู้เสียหายเข้าห้องน้ำใช้โทรศัพท์มือถือสอดเข้าไปใต้ผนัง เพื่อถ่ายอวัยะเพศมาสำเร็จความใคร่ บังเอิญ น.ส.เอหันมาพบจึงร้องเอะอะโวยวาย จนถูกจับกุมตัวได้
      
       เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญและอนาจารคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

ประกวดวงโยธวาทิตระดับนานาชาติ

สมบัติ คุรุพันธ์ นายกสมาคมไทย มาร์ชชิ่ง แบนด์ เป็นประธานในการประชุมการประกวดวงโยธวาทิตระดับนานาชาติ ประจำปี 2555 ที่ห้องประชุมสมาคมแฮนด์บอลฯ โดยการแข่งขันรายการ นี้ได้รับการรับรองจากสมาคมวงโยธวาทิตโลก มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.2555 ที่ จ.อุบลราชธานี

อุบลฯพร้อมเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 29 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3

จังหวัดอุบลฯ พร้อมหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 29 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "อุบลราชธานีเกมส์” เกมส์แห่งภูมิปัญญา และความฮักแพง 
นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ฝ่ายเทคนิคกีฬา เปิดเผยว่า ทุกภาคส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี เตรียมเป็นเจ้าภาพต้อนรับคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 8000 คน ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "อุบลราชธานีเกมส์” ระหว่างวันที่ 19 – 29 ตุลาคม 2555 โดยการแข่งขันในครั้งนี้จะมีการแข่งขันทั้งหมด 35 ชนิดกีฬา เพื่อหานักกีฬาที่ดีที่สุดเป็นตัวแทนภาค 3 เข้าไปแข่งขันในรอบสุดท้ายกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ที่จังหวัดมหาสารคาม จะเป็นเจ้าภาพ ในเดือนมีนาคมปี 2556 ” นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ คณะกรรมการการกีฬาของจังหวัดฯ โดยการนำของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการประชุมคณะกรรมการทุกฝ่าย เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

'โฮมโปร'บุกตลาดอิสานล่าง ทุ่มกว่า450ล้านเปิดสาขา'อุบลราชธานี'




“โฮมโปร” ทุ่มกว่า 450 ล้านบาท เปิดสาขา “อุบลราชธานี” ยึดหัวหาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างอีกระลอก จัดโปรโมชั่นฉลองยิ่งใหญ่ ลดราคาพิเศษสูงสุด 7% เมื่อช็อปครบที่กำหนด รับทองคำทันทีหนัก 1 บาท ในวันที่ 28 ก.ย. - 31 ต.ค.55 เฉพาะเปิดสาขาวันแรก
ให้ลุ้นซื้อสินค้าสุดคุ้ม อาทิ The New iPad ในราคาเพียง 15,500 บาท ซัมซุงแอลอีดี ทีวี 32 นิ้ว ราคาเพียง 6,490 บาท ตั้งเป้ายอดขายกว่า 45 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมทุ่ม 1.9 ล้านบาท คืนกำไรสู่สังคมผ่านโครงการห้องน้ำของหนูให้ 2 โรงเรียน



นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างหรืออิสานล่างอย่างต่อเนื่อง โดยทุ่มงบประมาณกว่า 450 ล้านบาท เปิด “โฮมโปร อุบลราชานี” บนพื้นที่ 18 ไร่ บนถนนเลี่ยงเมือง ซึ่งนับเป็นสาขาแห่งที่ 52 ของโฮมโปร โดยจะให้บริการครอบคลุมภาคอิสานตอนล่าง กลุ่ม 2 ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ รวมถึงรองรับลูกค้าบางส่วนจากลาว และกัมพูชา

“โฮมโปร มีสาขาครอบคลุมอิสานล่างกลุ่มหนึ่งแล้วในนครราชสีมา และบุรีรัมย์ การเปิดสาขาอุบลราชธานีในครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถบริการลูกค้าได้ครอบคลุมภาคอิสานตอนล่างได้ทั้งหมด รวมถึงยังจะสามารถรองรอบลูกค้าจากชายแดนที่ติดประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยการค้าระหว่างไทย ลาว และกัมพูชา นับวันจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น” นายณัฏฐ์ กล่าวและว่า

“โฮมโปร อุบลราชธานี” มีพื้นที่ขายกว่า 8,200 ตารางเมตร สามารถตอบสนองสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านได้ครบวงจร ทั้งการปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่ง วัสดุก่อสร้าง และศูนย์รวมภาพและเสียง The Power การบริการ Home Service ที่ครอบคลุมการออกแบบห้องน้ำ – ห้องครัวในรูปแบบ 3D Design, Installation Service บริการติดตั้ง / ย้ายจุดเครื่องใช้ในบ้าน, Maintenance Service บริการทำความสะอาด เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์ในบ้าน และที่นอน Home Improvement Service บริการทาสี ปรับปรุงห้องน้ำห้องครัว รวมถึงยังมีพื้นที่เช่าอีกกว่า 700 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างสำหรับลูกค้า โดยมีร้านค้าเช่าที่เป็นพันธมิตรเปิดให้บริการถึง 8 ร้านค้า อาทิ ร้านหนังสือนายอินทร์ , คิคเช่น พลัส , ทวีชัยรุ่งเรือง เฟอร์นิเจอร์ , ท็อปเจริญ , Queenmary Furniture , สวีตเมมโมรี่ส์ เฟอร์นิเจอร์, เก้าอี้นวด Makoto

พิเศษสุดกับเทศกาลเฉลิมฉลองเปิด “โฮมโปร อุบลราชธานี” บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญพิเศษในวันเปิดสาขา ในวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2555 เพียงวันเดียว ตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 15.00 น. ร่วมสนุกจับคูปองตอบคำถาม ลุ้นรับสิทธิ์ซื้อThe New iPad ในราคาเพียง 15,500 บาท ซัมซุงแอลอีดี ทีวี 32 นิ้ว ในราคาเพียง 6,490 บาท จากปกติ 11,990 บาท ตู้เย็น 6.3 คิว ราคา 3,990 บาท จากปกติ 6,290 บาท ไมโครเวฟ ราคาเพียง 990 บาท จากปกติ 2,590 บาท พัดลมสไลด์ 16 นิ้ว ราคาเพียง 490 บาท จากปกติ 1,090 บาท ชุดอุปกรณ์ห้องน้ำ 4 ชิ้น ราคาเพียง 59 บาท จากปกติ 159 บาท หมอนหนุน 19x29 สีขาว ราคาเพียง 59 จากปกติ 159 บาท และผ้าเช็ดตัว 27x54 สีขาว ในราคาเพียง 59 บาท จากปกติ 159 บาท

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2555 ช้อปครบ 15,000 บาท รับฟรี บัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 300 บาท ช้อปครบ 35,000 บาท รับฟรี กะทะเอนกประสงค์ มูลค่า 1,590 บาท ช้อปครบ 60,000 บาท รับฟรี เครื่องซักผ้า 2 กก. มูลค่า 2,890 บาท ช้อปครบ 150,000 บาท รับฟรี Toshiba LCD 32 มูลค่า 10,990 บาท ช้อปครบ 300,000 บาท รับฟรี บัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 18,000 บาท ช้อปครบ 450,000 บาท รับฟรี สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 25,300 บาท

พิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี และบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า ต่อที่ 1 รูดเต็มหรือแบ่งจ่าย ลดเพิ่ม 3% กับบัตรเครดิต โฮมโปร วีซ่า ต่อที่ 2 รับเงินคืนสูงสุด 20,000 บาท (เฉพาะชำระแบบเต็มจำนวน) และต่อที่ 3 ลดเพิ่ม 10% เพียงแลกคะแนนกรุงศรีโบนัสทันใจเท่าราคาสินค้า หรือแลกแทนคะแนนส่วนลด 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาท , ผ่อน 0% นาน 3 เดือน เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลดเพิ่มสูงสุด 5-12% ผ่อนนาน 0% สูงสุด 4 เดือน (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) , ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ใช้จ่ายผ่านบัตร หรือผ่อนชำระผ่าน Be Smart รับเงินคืนสูงสุด 40,000 บาท (วันนี้ - 10 ต.ค.55) หรือ ผ่อน 0% นาน 4 เดือน เมื่อซื้อบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 4,000 บาทขึ้นไป ผ่านระบบแบ่งจ่ายรายเดือน , บัตรเครดิตกสิกรไทย ใช้จ่ายผ่าน KBank Smart Pay 0% รับเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต (Cash Back)ยอดแบ่งจ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป รับ เครดิตเงินคืน 200 บาท , ยอดแบ่งจ่ายตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป รับ เครดิตเงินคืน 1,500 บาท , บัตรเครดิตเคทีซี จ่ายน้อยกว่าด้วย KTC Value Pack ช้อปทุก 6,000 บาท + คะแนน KTC Forever Rewards 9 คะแนน รับส่วนลด 200 บาท พร้อมแบ่งชำระ KTC Flexi 0% นานสูงสุด 10 เดือน ใช้คะแนนสะสม KTC Rewards 1,000 คะแนน แทนส่วนลด 100 บาท ,ใช้จ่ายผ่านบัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ วีซ่า และ บัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ครบ 5,000 บาท รับบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 200 บาท ผ่อนชำระค่าสินค้าผ่านบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ลดทันที สูงสุด 10,000 บาท พร้อม รับเครื่องดูดฝุ่นพลังเทอร์โบ มูลค่า 2,990 บาท อีกด้วย

ทั้งนี้ นายณัฏฐ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่ชาวจังหวัดอุบลราชธานี โฮมโปร ในฐานะบริษัทคนไทยนั้น บริษัทฯ ได้เข้าไปดำเนินโครงการห้องน้ำของหนู ในการปรับปรุงห้องน้ำให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศหรือ HAS ให้แก่โรงเรียน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านท่าบ่อ และโรงเรียนบ้านทุ่งขุนน้อยหนองจานวิทยา จำนวน 47 ห้อง โดยใช้งบประมาณกว่า 1.9 ล้านบาท

“ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายของ โฮมโปร อุบลราชธานี จะแบ่งเป็นลูกค้าบ้านเก่า 70% ลูกค้าบ้านใหม่ -30% โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มเจ้าของบ้านถึง 94% ที่เหลือเป็น เจ้าของโครงการ และผู้รับเหมา นอกจากนี้ โฮมโปร ยังสร้างอัตราจ้างงานทั้งหมดกว่า 250 อัตรา ซึ่งกว่า 70% เป็นคนในพื้นที่ และได้ตั้งเป้าหมายยอดขายต่อเดือนกว่า 45 ล้านบาท”

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 การรถไฟฯ มีความจำเป็นต้องยกเลิกขบวนรถโดยสารดังนี้

ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 11 กรุงเทพ - เชียงใหม่ 
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 10 เชียงใหม่ - กรุงเทพ 
ขบวนรถเร็วที่ 115 กรุงเทพ - พิษณุโลก 
ขบวนรถเร็วที่ 116 พิษณุโลก - กรุงเทพ 
ขบวนรถเร็วที่ 143 กรุงเทพ - อุบลราชธานี
ขบวนรถเร็วที่ 144 อุบลราชธานี - กรุงเทพ 






สอบถามเพิ่มเติมสายด่วน 1690 หรือที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ

ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชานี พร้อมเป็นฮับแห่งอินโดจีน แน่นอน



นิมิตร สิทธิไตรย์ : ประธานหอการค้าอุบลฯ (2554 - 2555)

บทความหอการค้าอุบลฯ : สิงหาคม 2555


.................จากการที่ หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำเรื่อง ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี พร้อมเป็นฮับแห่งอินโดจีน เข้าเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม สัญจร ที่จังหวัดสุรินทร์จน ครม สัญจร ที่สุรินทร์ มีมติที่ประชุม มอบหมายกระทรวงคมนาคม รับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งหอการค้าจะเดินหน้าผลักดันต่อไป จนเกิดการบินระหว่างอินโดจีนให้ได้

เพื่อให้เห็นภาพความพร้อม สนามบินนานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ผมได้ประสานท่านกิตติชัย สัจจลักษณ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานจังหวัด อุบลราชธานี ในการขอข้อมูลเกี่ยวกับสนามบินนานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้เห็นศักยภาพความพร้อมของสนามบินอุบลราชธานี 

สนามบินแห่งนี้ ถูกจัดตั้งให้เป็นสนามบินนานาชาติมาตั้งแต่ ปี 2543 ห่างจากตัวเมือง 1 กม. มีพื้นที่ประมาณ 168 ไร่ มีขีดความสามารถสูงสุด รับการขึ้น-ลง ของเครื่องโบอิ้ง 747 ได้ ทำการบินทั้งภายในประเทศ และทำการบินเข้า-ออก ไปต่างประเทศได้โดยตรง มีหน่วยงานด้านพิธีการบิน ศุลกากร, ตรวจคนเข้าเมือง, ด่านกักกันพืชสัตว์ และสำนักควบคุมโรคติดต่อ เป็นที่ตั้งศูนย์วิทยุการบินหลัก

พูดแบบฟันธงคือ มีความพร้อมในระดับสากลครับ อีกทั้งศักยภาพพื้นฐานที่ดีมากคือ ศักยภาพทางกายภาพด้าน ทางวิ่ง (runway) เป็นผิวแอสฟัลท์ตอฃิคคอนกรีต กว้าง 45 เมตร ยาว 3000 เมตร อากาศยานสามารถขึ้น-ลง ได้ 2 ด้าน คือ ทิศ 05 และ 23 ด้าน ทางขับ (Taxi way) เป็นผิวแอสฟัลท์ตอฃิคคอนกรีต กว้าง 30 เมตร ยาว 150 เมตร 2 เส้น คือ taxi A และ taxi B ด้านลานจอด (Apon) เป็นพื้นผิวคอนกรีต กว้าง 120 เมตร ยาว 270 เมตร สามารถรองรับการจอดอากาศยาน โบอิ้ง 373-400 จำนวน 2 ลำ และ อากาศยานแบบ แอร์บัส จำนวน 1 ลำ ในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันมีการบินจากอุบลราชธานี ไปยังเมืองสำคัญคือ กรุงเทพ, เชียงใหม่ และภูเก็ต

สถิติผู้โดยสารปี 2551-25554 จากการเปรียบเทียบผู้โดยสารเข้า-ออก ปี 2551 จำนวน 391,808 คน ปี 2554 จำนวน 614,739 คน ซึ่งเมื่อทำการเปรียบเทียบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตรา 56 % ศักยภาพการให้บริการของสนามบิน นานาชาติอุบลราชธานี นั้น มีโครงสร้างจะสร้างรองรับ ได้เป็น ล้านคนต่อปี และทั้งรัฐบาล ได้จัดงบประมาณกว่า 200 ล้าน มาพัฒนาต่อเนื่องจาก 2556-2557 ในอดีตอุบล เคยมีเที่ยวบิน กรุงเทพ-อุบล-ดานัง ( การบินไทย) , อุบล-อุดร และ อุบล-เชียงใหม่ ด้วยบริษัทการบินเอกชน อยู่ระยะหนึ่ง แล้วเลิกไป ดังนั้นการบินระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ของสนามบินนานนาชาติ แห่งนี้

แนวคิดเรื่อง การเดินทาง ทางอากาศเชื่อมต่อกันในภูมิภาคนั้น ไม่ใช่เพิ่มเริ่มคิดกัน แต่คิดกันมานานแล้วกว่า 1 ปี แต่ก็มักจะติดกรอบแนวคิดที่ว่า จะคุ้มต่อการลงทุนหรือไม่ จะมีจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการเท่าไหร่ ก็ยอมรับว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วอาจจะต้องกังวลบ้าง แต่ปัจจุบันในกรอบ AEC ไทยเป็นผู้รับผิดชอบ เรื่องการบินและการท่องเที่ยว ไทยต้องชิงการนำทั้งสองเรื่องให้ได้ สนามบินนานาชาติ อุบล คือ โอกาสในการชิง การนำในการบริการการบินในภูมิภาคอินโดจีน หากจะมองประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น ลาว เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ ( ห่างจากอุบลทางช่องเม็ก แค่ 40 กม. ) ได้พัฒนาการบินเชื่อมต่อ ระหว่างเมืองสำคัญในอินโดจีนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าในเวียดนาม ( ฮานอย-โฮจิมินซิตี้ ) กัมพูชา ( พนมเปญ – เสียมเรียบ ) และเร็วๆนี้ ( ตุลาคม ) ลาวจะมีเที่ยวบินจากปาเซ ไปดานัง ซึ่งไทยโดยจังหวัดอุบลราชธานี ยังอยู่นิ่งเฉยอาจจะทำให้เสียโอกาสการเป็นผู้นำด้านการบินไป แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการบินในกลุ่มอาเซียน ไทยต้องชัดเจน เน้นเรื่องการเชื่อมต่อสร้างระบบการบริการที่มีมาตรฐานโดยมีเราเป็นผู้ประสานนำทีม

หากจะให้เสนอว่าแล้วควรทำอย่างไร คำตอบแบบตรงไปตรงมาคือ เที่ยวบินจากอุบลของเรา ต้องมีเที่ยวบินจากอุบลราชธานีถึงจังหวัดอุดรธานี เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างอีสานเหนือและอีสานใต้ และระหว่างประเทศ ควรจะมี เที่ยวบินจากอุบล ไป เมืองดานัง (เวียดนาม) และเที่ยวบินจากอุบลราชธานีไป เสียมเรียบ (กัมพูชา) ถือเป็นการเริ่มชิงการนำ จะด้วย เครื่องบินขนาดกลาง เพื่อบินตรง หรือต่อเนื่องจากเที่ยวบินมาถึงอุบล เช่น ภูเก็ต-อุบล-ต่อไป เสียมเรียบ หรือ เชียงใหม่ – อุบล-ต่อไปถึง ดานัง เป็นต้น

หากพิจารณาให้ชัดเจน จะเห็นว่า สนามบินนานาชาติ อุบลราชธานี เมื่อชื่อมต่อ กับสนามบินอุดรธานี แล้ว การเดินทางแทบจะไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป ทั้งจะเป็นการชี้ชัดว่า สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี จะช่วยแบ่งเบาภาระของสนามบินสุวรรณภูมิได้ สามารถพัฒนาเป็นศูนย์การการซ่อมบำรุง , หรือ ศูนย์ด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ นั่นจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะ ต้องดำเนินการให้อุบลราชธานี เป็นฮับทางการบินของอินโดจีนอย่างเป็นรูปธรรม และ ก่อน ปี 2558 จะมาถึงด้วย และผมเชื่อด้วยว่า ต่อไปคนอีสานจะเดินทางไปที่ใดในโลก จากสนามบินนานาชาติอุบลราชธานีของเราแห่งนี้แน่นอน สุดท้ายในนามหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ต้องขอขอบคุณ ท่านกิตติชัย สัจจลักษณ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานจังหวัดอุบลราชธานี ในการอนุเคราะห์ สนับสนุนข้อมูล ให้ความร่วมมือในการประสานทุกด้านด้วยดีมาตลอด 

อุบลราชธานีและพระวิหาร กัมพูชา เตรียมยกระดับช่องอานม้าเป็นด่านสากล



...............นายประวัติรัฐิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประธานคณะทำงานฝ่ายจังหวัดอุบลราชธานี และนายโอน จันดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ประธานคณะทำงานจังหวัดพระวิหาร โดยมีคณะผู้แทนฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครองทั้ง สอง จังหวัด ร่วมประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมพื้นที่รองรับการยกระดับจุดผ่อนปรนช่องอานม้าของฝ่ายไทย

และจากที่คณะผู้แทนระดับจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดพระวิหารได้ประสานงาน อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และจากผลของการพบปะหารือระหว่าง นายกรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดเสียมราฐ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้รับทราบและไม่ขัดข้องหากจะมีการยกระดับด่าน จุดผ่อนปรนเพื่อการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นผ่านแดนถาวร หรือด่านสากล หากสถานการณ์ในพื้นที่มีความพร้อม โดยรัฐบาลทั้ง สองประเทศจะให้เปิดเป็นด่านสากลในอนาคต ก่อนปี พ.ศ.2556

โดยผู้แทนจังหวัดอุบลราชธานีข้อมูลในที่ประชุมร่วมระหว่างผู้แทนจากจังหวัดอุบลราชธานี และผู้แทนจากจังหวัดพระวิหาร จะได้นำเสนอให้กับกระทรวงมหาดไทยรับทราบ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะพื้นที่จะต้องมีการเจรจามากขึ้นเพื่อจะได้ดำเนินการก่อสร้างด่านสากลต่อไป.

กระทรวงคมนาคม จัดเสวนาแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง

กระทรวงคมนาคม จัดเสวนาแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทยและรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน กระทรวงคมนาคมจัดเสวนา “โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และร่วม รับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๓” เพื่อวางรากฐานการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในระยะยาว สนับสนุน การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ พร้อมรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน เสวนา “โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนต่อ แผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๓” ในวันศุกร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕ ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และสำรวจความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาค ส่วนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ เพื่อยกระดับความสนใจของประชาชนต่อแผนการลง ทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ และจัดทำรายงานการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน พื้นที่ที่มีต่อแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประกอบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติลงทุน โครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานต่าง ๆ ของกระทรวง คมนาคม ได้แก่ การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า ๑๐ สายทาง โดยเก็บค่าบริการ ๒๐ บาทตลอดสาย พัฒนาการขนส่งทางน้ำและกิจการพาณิชยนาวี และพัฒนาท่าอากาศยานสากล ท่าอากาศยานภูมิภาค และอุตสาหกรรมการบินของไทย พร้อมทั้ง รองรับการเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยรัฐบาลได้จัดทำแผน ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๓ วงเงินลงทุน ๒ ล้านล้านบาท ครอบคลุม ทั้งการขนส่งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีก ๑๐ – ๑๕ ปีข้างหน้า โดยแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ ส่วนใหญ่เป็นโครงการด้าน คมนาคมขนส่ง อันส่งผลดีต่อการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ซึ่งแผนการ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ ดังกล่าวเป็นโครงการระยะยาวที่มีผลกระทบต่อประชาชนในทุกภาค ส่วน ดังนั้น การดำเนินงานตามแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ จึงจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ การมีส่วนร่วม และสร้างความตื่นตัวของประชาชนในพื้นที่ เพื่อยกระดับความสนใจ ของประชาชนต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นของผู้เกี่ยว ข้อง และมีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่จะเกิดในแต่ละ ภูมิภาค สำหรับการรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ ในส่วน ของกระทรวงคมนาคม จำเป็นต้องพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทุกด้านให้สอดคล้องกับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งลดสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ของ ไทย จากปัจจุบันร้อยละ ๑๗.๙ ต่อ GDP ให้ลดลงเหลือร้อยละ ๒ ภายในระยะเวลา ๕ ปี ทั้งนี้ใน ส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม จะเป็นสัดส่วนของต้นทุนภาคการขนส่งประมาณร้อย ละ ๘.๗ ซึ่งการดำเนินโครงการทุกโครงการจะต้องส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขน ส่ง จากปัจจุบันที่มีการขนส่งในภาคทางบกสูงถึงร้อยละ ๘๖ ภาคการขนส่งทางน้ำร้อยละ ๑๒ ภาค การขนส่งทางรางร้อยละ ๒ และภาคการขนส่งทางอากาศร้อยละ ๐.๐๒ จะต้องส่งเสริมให้มีการขน ส่งทางน้ำและทางรางเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางน้ำเป็นร้อย ละ ๑๔ และการขนส่งทางรางร้อยละ ๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดในภาค ตะวันออก เฉียงเหนือที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจทางภาคอีสาน เนื่องจากเป็นจังหวัด เศรษฐกิจชายแดนไทย – ลาว มีมูลค่ารวม ๑๑๑,๐๒๐ ล้านบาท ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีการไปมา หาสู่กันด้านการค้า การท่องเที่ยวระหว่างไทย – ลาว ผ่านทางด่านพรมแดนช่องเม็ก – วังเต่า จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเป็นประชาคม เศรษฐกิจเสรีอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ โดยผลักดันให้มีการพัฒนาและการลงทุนระบบคมนาคมขน ส่ง พัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคและเชื่อมโยงกับโครงข่ายคมนาคมกับประเทศ เพื่อนบ้านตามแนวเศรษฐกิจ ปรับปรุงระบบอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้า ข้ามแดนในพื้นที่บริเวณชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ ด่านหนองคาย แม่สอด มุกดาหาร สระแก้ว ด่าน สิงขร และช่องเม็ก กระทรวงคมนาคมมีภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง จึงได้ จัดเสวนาฯ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสำรวจความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ เสีย รวมทั้งประชาชนในระดับท้องถิ่นต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๓ และนำผลที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้ มาใช้วิเคราะห์ปัญหา และโอกาสของโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป

"คมนาคม"เดินหน้าขายฝันคนอุบลฯ สร้างรถไฟความเร็วสูง-มอเตอร์เวย์ ขณะที่ชาวบ้านขานรับหนุนโครงการ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังงานเสวนาโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งพ.ศ.2556-2563 วานนี้ (21 ก.ย.) ว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกับแผนงานในอนาคตที่จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1.91 แสนแสนล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจแผนงาน 5 โครงการหลักที่จะผ่านพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประชาชนยังรับทราบโครงการไม่ถึง 55%*อย่างไรก็ตาม ประชาชชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการในระดับสูงประมาณ 3.5-4.49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 ขณะเดียวกันประชาชนมีความต้องการมีส่วนร่วมในภาพรวมอยู่ในระดับมากประมาณ 3.79 คะแนน สำหรับ 5 โครงการที่สำรวจ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา การพัฒนาสถานีขนส่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางถนน การก่อสร้างรถไฟสายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-อุบลราชธานี การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-อุบลราชธานี

นอกจากนั้น ยังได้รับข้อเสนอของหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องการให้ขยายถนนเชื่อมช่องเม็กเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 200 กม. รวมทั้งการขยายรถไฟทางคู่ไปถึงชายแดน เพื่อกระตุ้นการค้าชายแดน นอกจากนั้นยังเสนอให้พัฒนาท่าอากาศยานอุบลราชธานีเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ โดยกระทรวงคมนาคมจะนำความคิดเห็นต่างๆ ไปปรับแผนต่อไป

ส่วนงบประมาณที่จะนำมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.91 ล้านล้านบาทนั้น เบื้องต้นจะเป็นเงินจากการระดมทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในอนาคตจะมีหลายกองทุน เช่น กองทุนรถไฟความเร็วสูง กองทุนมอเตอร์เวย์ กองทุนรถไฟฟ้า รวมทั้งการกู้เงิน ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาแนวทางหาแหล่งเงินที่เหมาะสม คาดว่าน่าจะเริ่มได้รับงบประมาณเพื่อนำมาดำเนินงานในปี 2556*

ด้านนายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการของกระทรวงคมนาคม หากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จจะเปลี่ยนภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เจริญอีกมาก แต่ขอให้เร่งดำเนินงานในโครงการที่จำเป็นก่อน เช่น การขยายถนนเชื่อมช่องเม็ก เพราะถือเป็นเส้นทางการค้าขาย และขอให้จัดเที่ยวบินเส้นทางอุบลราชธานี-อุดรธานี เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างภาคตะวันออกตอนเหนือและตอนใต้ และใช้ทั้ง 2 จังหวัดเชื่อมการเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียต่อไป

"ผมอยากให้มีสายการบินที่ใช้เครื่องบินขนาดเล็กประมาณ 30 ที่นั่ง มาให้บริการเส้นทางบินอุบลราชธานี-อุดรธานี เพื่อให้นักธุรกิจเดินทางไปมาได้สะดวก และสามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่สนใจของนักลงทุน" นายนิมิต กล่าว

เซ็นทรัลชิงรุก-รับเออีซี ชู 2 หัวหอกซีอาร์ซี-ซีพีเอ็นบุกค้าปลีกตปท.

เปิดยุทธศาสตร์ "เซ็นทรัล" รุก-รับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เผยแผน "รุก" เร่งขยายการลงทุนต่างประเทศผ่านซีอาร์ซีและซีพีเอ็น ขณะที่แผน "รับ" ในเมืองไทยใช้ "โรบินสัน" หัวหอกขยายสาขาริมตะเข็บชายแดน รับกำลังซื้อรอบนอก พร้อมเดินหน้าปรับแผนการตลาดเน้นสร้างแบรนด์ การเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง

หลังจากที่กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าเตรียมความพร้อมในการรองรับการเปิดเออีซีอย่างเต็มที่ ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ พร้อมเตรียมแผนกำหนดเป็นยุทธศาสตร์เพื่อให้ทุกกลุ่มธุรกิจมีทิศทางในการดำเนินการไปในทางเดียวกัน โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเน้นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เป็นแกนหลักในการลงทุนต่างประเทศ ควบคู่กับบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) (ในเครือซีอาร์ซี) ที่เน้นการลงทุนในประเทศ และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ซึ่งจะเน้นการพัฒนาศูนย์การค้าทั้งในและต่างประเทศ 

นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา , เซ็นทรัลเวิลด์ ,เซ็นทรัล เฟสติวัล เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่จะมีขึ้นในปี 2558 ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทศึกษาตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางแผนทั้งเชิงรุกและเชิงรับกับการแข่งขันที่จะมีขึ้น โดยในเชิงรับ เป็นการขยายสาขาในจังหวัดชายแดน เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี หาดใหญ่ เชียงใหม่ ลำปาง และเชียงราย เพื่อรองรับลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อุดรธานี รองรับกลุ่มลูกค้าจากลาวตอนกลาง ,อุบลราชธานี จะรองรับลูกค้าลาวตอนใต้ ส่วนหาดใหญ่ รองรับลูกค้าในภาคใต้และจากมาเลเซีย เป็นต้น 

ส่วนเชียงใหม่ ลำปาง และเชียงราย สามารถรองรับลูกค้าจากลาว พม่า และจีนได้ และในอนาคตการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 ประเทศคือ ไทย ลาว และจีน เปิดให้บริการจะส่งผลให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยง่ายขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศ ซีพีเอ็นได้เข้าไปลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าที่ชิงเต่า ประเทศจีนร่วมกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งขณะนี้ชะลอแผนการลงทุนและรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจในจีนอีกครั้ง ซึ่งบริษัทเองก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อทัน นอกจากนี้ซีพีเอ็นยังศึกษาแผนลงทุนในประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหาลู่ทางการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ อินโดนีเซีย ,เวียดนาม , พม่า แต่จะเลือกประเทศที่มีความพร้อมและเหมาะสมมากที่สุด 

ในปี 2556 ซีพีเอ็น จะเปิดให้บริการศูนย์การค้ารวม 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ในเดือนเมษายน ,ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ เดือนตุลาคม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ เดือนพฤศจิกายน 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในอนาคตการเติบโตของหัวเมืองหลัก จะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ในการเข้าไปลงทุนพัฒนาศูนย์การค้า ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับจังหวัดนั้นๆ อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับท้องถิ่น จากการกระจายการลงทุน การสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความเจริญ กระตุ้นให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ส่วนการลงทุนอีกกลุ่มของเครือเซ็นทรัล จะอยู่ภายใต้การดูแลของซีอาร์ซี โดยซีอาร์ซีเองเตรียมแผนการลงทุนแบบ 360 องศา โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมเป็นหลัก ทั้งการเข้าไปลงทุนเอง 100% , การร่วมลงทุน และการซื้อกิจการ ขณะที่ซีอาร์ซี จะเน้นการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนการลงทุนในประเทศมอบหมายให้โรบินสัน เป็นหัวหอกในการเดินหน้า ซึ่งนายปรีชา เอกคุณากุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า โรบินสันมีแผนขยายสาขาใหม่อีก 5 แห่งในปี 2556 โดยเน้นการขยายสาขาในจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นหลังการเปิดเออีซี 

ปัจจุบันโรบินสันมีสาขารวม 27 แห่งทั่วประเทศ และกำลังจะเปิดอีก 3 แห่งในปีนี้ที่สุราษฎร์ธานี บางแค และลำปาง ใช้งบลงทุน 500 ล้าน - 1 พันล้านบาทต่อสาขา โดยมีสาขาที่เปิดให้บริการในจังหวัดตะเข็บชายแดนหรือจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านรวม 3 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี และกำลังจะเปิดที่กาญจนบุรี 

"การขยายสาขาใหม่ของโรบินสัน ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเปิดเออีซีที่จะมีขึ้นในปี 2558 โดยในปีหน้าโรบินสันจะขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ทั้งในจังหวัดที่มีศักยภาพและจังหวัดที่เป็นเขตรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สกลนคร ซึ่งจะพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าขนาด 3 - 3.5 หมื่นตารางเมตร ใช้งบลงทุน 800 ล้านบาท"

นอกจากนี้โรบินสัน ยังมีแผนที่จะปรับปรุงโรบินสัน อุดรธานีในปลายปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคจากฝั่งลาวด้วย หลังจากที่พบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจากสปป.ลาว มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา 

ด้านดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูนสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า เซ็นทรัลเริ่มนำกลยุทธ์ Digital Marketing เข้ามาใช้เพื่อให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสนใจเรื่องของดิจิตอลมากขึ้น โดยล่าสุดซีพีเอ็นใช้งบลงทุน 80 ล้านบาท นำแพลตฟอร์ม Integratal Digital Marketing ครบวงจรเข้ามาใช้ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมผ่านกลยุทธ์เปลี่ยนลูกค้าเป็นเพื่อนด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในการสื่อสาร 2 ทางหรือ two - way communication ผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ ทำให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมกับศูนย์การค้าได้

"ปัจจุบันลูกค้าของศูนย์การค้ามีทั้งคนไทยและต่างประเทศ เช่นที่เซ็นทรัลเวิลด์ จะมีลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 50% ทั้งชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น ส่วนสาขาติดกับชายแดนเช่น อุดรธานี จะมีลูกค้าจากลาวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 600-700 คนต่อวัน สาขาเชียงรายมีลูกค้าจากพม่าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 300-400 คนต่อวัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่เข้ามาซื้อสินค้าแบรนด์เนม"

มหกรรมยางทั่วไทย ครั้งที่ 3

จัดขึ้น ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี





















คมนาคม ขายฝันสร้างไฮสปรีดเทรนจ.อุบลฯ


นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังงานเสวนาโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งพ.ศ.2556-2563 วานนี้ (21 ก.ย.) ว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกับแผนงานในอนาคตที่จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1.91 แสนแสนล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจแผนงาน 5 โครงการหลักที่จะผ่านพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประชาชนยังรับทราบโครงการไม่ถึง 55% 

อย่างไรก็ตาม ประชาชชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการในระดับสูงประมาณ 3.5-4.49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 ขณะเดียวกันประชาชนมีความต้องการมีส่วนร่วมในภาพรวมอยู่ในระดับมากประมาณ 3.79 คะแนน สำหรับ 5 โครงการที่สำรวจ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา การพัฒนาสถานีขนส่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางถนน การก่อสร้างรถไฟสายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-อุบลราชธานี การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-อุบลราชธานี

นอกจากนั้น ยังได้รับข้อเสนอของหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องการให้ขยายถนนเชื่อมช่องเม็กเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 200 กม. รวมทั้งการขยายรถไฟทางคู่ไปถึงชายแดน เพื่อกระตุ้นการค้าชายแดน นอกจากนั้นยังเสนอให้พัฒนาท่าอากาศยานอุบลราชธานีเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ โดยกระทรวงคมนาคมจะนำความคิดเห็นต่างๆ ไปปรับแผนต่อไป

ส่วนงบประมาณที่จะนำมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.91 ล้านล้านบาทนั้น เบื้องต้นจะเป็นเงินจากการระดมทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในอนาคตจะมีหลายกองทุน เช่น กองทุนรถไฟความเร็วสูง กองทุนมอเตอร์เวย์ กองทุนรถไฟฟ้า รวมทั้งการกู้เงิน ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาแนวทางหาแหล่งเงินที่เหมาะสม คาดว่าน่าจะเริ่มได้รับงบประมาณเพื่อนำมาดำเนินงานในปี 2556 

ด้านนายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการของกระทรวงคมนาคม หากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จจะเปลี่ยนภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เจริญอีกมาก แต่ขอให้เร่งดำเนินงานในโครงการที่จำเป็นก่อน เช่น การขยายถนนเชื่อมช่องเม็ก เพราะถือเป็นเส้นทางการค้าขาย และขอให้จัดเที่ยวบินเส้นทางอุบลราชธานี-อุดรธานี เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างภาคตะวันออกตอนเหนือและตอนใต้ และใช้ทั้ง 2 จังหวัดเชื่อมการเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียต่อไป

"ผมอยากให้มีสายการบินที่ใช้เครื่องบินขนาดเล็กประมาณ 30 ที่นั่ง มาให้บริการเส้นทางบินอุบลราชธานี-อุดรธานี เพื่อให้นักธุรกิจเดินทางไปมาได้สะดวก และสามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่สนใจของนักลงทุน" นายนิมิต กล่าว
จากกรุงเทพธุรกิจ