วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ควงปืนจี้เซเว่น คืนเดียว 2 แห่ง กวาด 2 หมื่น

อุบลราชธานี 28 ม.ค.- เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนแก๊ป จี้ร้านสะดวกซื้อ เมืองอุบลราชธานี คืนเดียว 2 สาขากวาด 2 หมื่น
               เมื่อเวลา 01.50 น.(28 มกราคม 2556) ร.ต.อ.สมัคร  พรหมประเสริฐ  พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี  พร้อมชุดสืบสวน ได้เข้าตรวจสอบเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่น สาขาที่ 8913 สาขาปาห้วยวังนอง 2 ตั้งอยู่บนถนนสมเด็จ ห่างจากตู้ยามอปพร ประมาณ 500 เมตร  ภายร้านพบนายณัฐพล  กุแก้ว  อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่183 ม.4 ต.กุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี และ น.ส.ฤทัยรัตน์  ปลื้มจิตร อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่31ม.5 ต.เหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ยืนตกใจหน้าซีด 
               สอบถามนายณัฐพล  พนักงานของร้านเล่าว่าขณะที่ตนและ น.ส.ฤทัยรัตน์ ยืนอยู่ในเคาเตอร์รับชำระเงินช่องที่ 1 และ 2 ได้มีชายรูปร่างใหญ่ สูงประมาณ 165-170 ซม.ผิวดำ สวมเสื้อยีนส์แขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า  มือถือปืนแก๊ปยาว ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ  แซด สี ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดฝั่งตรงข้ามกับร้าน จากนั้นคนร้ายได้ถือปืนเข้ามาในร้าน
               พร้อมกับบังคับให้ตนเปิดลิ้นชักเก็บเงิน แต่ตนบอกว่าเปิดไม่ได้  ต้องมีสินค้าที่จะชำระเงินถึงจะเปิดได้ แต่คนร้ายก็ไม่ฟังบอกให้เอาสินค้าอะไรก็ได้สแกนเพื่อเปิดลิ้นชัก หากไม่ทำตามก็จะยิง  ตนจึงได้เปิดลิ้นชักแล้วหยิบธนบัตรใบละ 500 บาท 1 ใบให้ไป แต่คนร้ายไม่ยอมบอกให้ตนหยิบออกมาให้หมดทั้งสอง ลิ้นชัก ด้วยความกลัวตนเองก็หยิบเงินในลิ้นชักให้ไปทั้งหมด รวมแล้วประมาณ 18,000 บาท จากนั้นคนร้ายก็ ออกจากร้านไปขึ้นรถที่จอดฝั่งตรงข้ามหลบหนีมุ่งหน้าไปทางถนนสมเด็จออกทางบ้านกุดลาด หลังจากที่รับแจ้งก็ได้วิทยุสกัดจับแต่ก็ไร้วี่แวว
               ขณะเดียวกัน ทางด้านศูนย์วิทยุ 191 ได้แจ้งมีเหตุคนร้ายแต่งกายลักษณะเดียวกัน  ใช้อาวุธปืนเหมือนกัน ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ในร้านเซเว่นสาขา อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ก่อนหน้านี้ประมาณ 50 นาที คนร้ายได้เงินเหรียญ และ ธนบัตรรวมกันประมาณ 8,000 บาท แล้วหลบหนีโดยไม่ทราบทิศทาง จากนั้นก็มาเกิดเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน เนื่องจากพฤติกรรม กาแต่งกาย อาวุธระยะเวลาไกลเคียงกันซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายน่าจะผ่าน เพื่อมาติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อุบลราชธานี จับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมาย พื้นที่ อ.น้ำยืน มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท


    หน่วยทหารกองกำลังสุรนารี สถานีตำรวจภูธรน้ำยืน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตั้งจุดสกัดจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมาย ในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
               บ่ายวันที่ 28 มกราคม 2556 เวลา 16.30 น. ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยผู้อำนวยการผู้อำนวยการบริหารสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี นายอำเภอน้ำยืน พ.ต.อ.ภาสกร สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำยืน พ.ท.ไกรเดช โป๊ะสูงเนิน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจกองกำลังสุรนารี ประจำอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย และกองร้อย ทหารพรานที่ 2310 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 แถลงผลการ จับกุมนายสมพงษ์ แก่นทอง ไสว สระแสง อายุ 43 ปี และนายอุทัย นามสมมุติ อายุ 18 ปี โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นชาวบ้านภูหล่น หมู่ 15 ตำบลสงยาง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมของกลาง รถกระบะสีน้ำเงิน ทะเบียน บว 2816 อุบลราชธานี และรถกระบะสีแดงตอนเดียว ไม้พะยูงแปรรูปเป็นท่อนสี่เหลี่ยม ขนาด 6 คูณ 6 นิ้ว ยาว 2 เมตร จำนวน 15 ท่อน ไม้พะยูงแปรรูป ขนาดกว้าง 12 นิ้ว หนา 3 นิ้ว ยาว 1 เมตร 1 แผ่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เมตร ซุกซ่อนอยู่ในลำห้วย และพบไม้แปรรูป แล้วประกอบด้วยไม้ยาง จำนวน 8 แผ่น ในปริมาตร 0.36 ลบ.ม. ไม้ตะเคียนทอง จำนวน 28 แผ่น ปริมาตร 3.68 ลบ.ม. ไม้ 47 แผ่น ปริมาตร 0.67 ลบ.ม. รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยจากผลตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาทั้งสองมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย
               จากการที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวขบวนการลักลอบตัดไม้และขนไม้พะยูงในพื้นที่อำเภอน้ำยืน เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวมีขบวนการลักลอบตัดไม้และขนไม้พะยูงเข้ามาทำการตัดโค่นไม้เพื่อแปรรูปและเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ บ้านแปดอุ้ม ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี จึงร่วมกันวางแผนและสนธิกำลังจับกุมโดยตั้งจุดสกัดตามเส้นทางออกของพื้นที่เกิดเหตุ และเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2556 พบรถผู้ต้องหาวิ่งมาตามเส้นทางจึงเรี่ยกให้หยุดและทำการตรวจค้นที่กระบะด้านหลังคลุมด้วยผ้า เมื่อเปิดออกพบของกลางไม้พะยูงดังกล่าว โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนรับว่ารับจ้างจากนายพลหรือจ่อย จรลี อายุ 43 ปี ราษฎรบ้านหินง่ม ตำบลตะข่าย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ให้ขับรถยนต์ของนายพลหรือจ่อย ขนไม้พะยูงโดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 5,000 บาทและนายพลหรือนายจ่อยเป็นผู้ดูแลเส้นทางในการขนย้ายไม้ในครั้งนี้ส่วนนายพลหรือนายจ่อยหลบหนีไปได้.

นักการเมืองอุบล เลิกแบ่งขั้ว รวมใจเป็นหนึ่งเพื่อพัฒนาเมืองอุบล

 ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี ทุกพรรคการเมือง สุดเจ๋ง ผนึกกำลังกับภาคประชาชน ประชุมหารือ รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อพัฒนาอุบลราชธานี


 ( 26 ม.ค.56 ) ที่ห้องประชุมศูนย์โอทอปเซ็นเตอร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มูลนิธิเพื่อพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี จัดประชุมปรึกษาหารือแนวทางในการพัฒนา จังหวัดอุบลราชธานี ในปัจจุบันและอนาคต ในการประชุมครั้งนี้ มีอดีต ส.ส. และส.ส. ปัจจุบัน จังหวัดอุบลราชธานี หลากหลายพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เช่น นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายสุพล ฟองงาม นายชูวิทย์ พิทักษ์พรภัลลภ นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ นายวิทูรย์ นามบุตร นายอดุลย์ นิลเปรม นายตุ่น จินตะเวช นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ดร.ศุภชัย ศรีหล้า หัวหน้าส่วนราชการนำโดย นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ภาคเอกชนนำโดย นายนิมิตร สิทธิไตรย์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี กว่าพันคนเข้าร่วมประชุม โดยมี พลตำรวจเอก ดร.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุม โดยเปิดเวทีให้มีการแสดงความคิดเห็นเพื่อพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี ในหลายด้าน เช่น การพัฒนาจังหวัดด้านพื้นที่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเมืองการปกครอง
               พลตำรวจเอก ดร.ชิดชัย วรรณสถิตย์ กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่า เป็นสิ่งที่ดีในการเริ่มต้นทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อจังหวัดอุบลราชธานี โดยชาวอุบลราชธานี ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหาการจราจร ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาด้านวัฒนธรรม การพัฒนาระบบคมนาคมให้เอื้อประโยชน์ด้านการค้าชายแดน และการพัฒนาคนควบคู่กับการพัฒนาด้านวัตถุ และอีกหลายประเด็นที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแรกที่อยากจะเห็นคือ การนำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์บริเวณถนนอุปราช ลงใต้พื้นดิน เพื่อให้ภูมิทัศน์สวยงาม ในช่วงประเพณีงานแห่เทียน และจะมีการประชุมย่อยในแต่ละประเด็น จากนั้นจะรวบรวมจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี โดยให้ ส.ส.อุบลราชธานี ทุกคนได้ร่วมผลักดันเพื่อของบประมาณเข้ามาดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนงานโครงการต่างๆ
               ด้านนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่เห็น ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี จากทุกพรรคการเมือง พร้อมด้วยส่วนราชการและประชาชน มาร่วมแสดงความคิดเห็นในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ มี 25 อำเภอสามารถที่จะผนึกกำลังจากทุกกภาคส่วนได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง ซึ่งอาจเป็นโมเดลให้จังหวัดอื่นๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญ ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี จากพรรคการเมืองต่างๆ ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน คือการมุ่งที่จะพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี ให้เจริญรุ่งเรือง และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีอย่างแท้จริง

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

คนซื้ออ่วม! สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรส่งสัญญาณปีหน้าบ้านระดับล่างพุ่งแตะ1.5ล้าน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ต้นทุนที่ดิน-ค่าก่อสร้างพุ่งไม่หยุด "สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร" ออกโรงส่งสัญญาณปีหน้า "บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์-คอนโดฯ" จับตลาดล่างจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในกลุ่มบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์จ่อขยับราคาแน่จากยูนิตละ 1 ล้าน เป็น 1.5 ล้าน ส่วนคอนโดฯขยายตัวจากเขตกรุงเทพฯไปจังหวัดปริมณฑลแทน เพราะสะดุดราคาที่ดินแพงบวกข้อจำกัดผังเมืองรวม กทม. จับตา "พัทยา-ภูเก็ต-เขาใหญ่" ทำเลฮอตในต่างจังหวัด

นายอิสระ บุญยัง ฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 เป็นปีที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายส่วน โดยผู้ประกอบการยังเผชิญกับความท้าทายในเรื่องการควบคุมต้นทุน สิ่งที่อยากส่งสัญญาณคือ แนวโน้มการปรับฐานราคาของ "บ้านระดับล่าง" ทั้งประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จากปีนี้ยังมีทาวน์เฮาส์ขายในราคาประมาณ 1 ล้านบาทหรือต่ำล้านก็ยังมี แต่ปีหน้าจะเห็นการขยับฐานราคาขึ้นเป็น 1.5 ล้านบาทบวกลบ แม้แต่ผู้ประกอบการที่สามารถควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างได้ดี ก็จะต้องขึ้นราคาบ้านเช่นกัน 

ถนน-รถไฟฟ้าดันที่ดินแพง

ปัจจัยลบมาจากแรงกดดันต้นทุนพัฒนาโครงการในด้านต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นเร็วมาก ได้แก่ 1) ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในแนวทำเลที่เป็นเส้นทางรถไฟฟ้า ถนน และทางด่วนตัดผ่าน เท่ากับเพิ่มศักยภาพให้กับที่ดินบางทำเล อย่างน้อยที่สุด ต้นทุนราคาที่ดินสูงเกินกว่าตารางวาละ 4-5 หมื่นบาท สำหรับผู้ประกอบการแทบจะพัฒนาทาวน์เฮาส์ไม่ได้แล้ว 

2) ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และการปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยเฉพาะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างทั้งทางตรงและตรงอ้อม เนื่องจากในทุกอุตสาหกรรมมีต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ เมื่อแบ่งแยกต้นทุนค่าก่อสร้างบ้าน 1 หลัง พบว่าต้นทุน 100% แบ่งได้เป็นต้นทุนที่ดิน ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และต้นทุนค่าแรงอย่างละประมาณ 1 ใน 3 จะเห็นว่าต้นทุนทุกส่วนปรับขึ้นหมด กดดันให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาบ้าน

"ตัวอย่างการปรับราคาเห็นชัดเจนในทำเลลำลูกกาคลอง 2-3 จาก 2 ปีก่อน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้นำบ้านตลาดล่าง เคยขายทาวน์เฮาส์ราคาเริ่มต้นหลังละ 8-9 แสนบาท แต่ปีนี้ทำไม่ได้แล้ว ต้องขายในราคา 1 ล้านกว่าบาท เพราะต้นทุนขึ้นหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อในปีนี้จะซื้อก็รีบซื้อเถอะครับ"

คอนโดฯปริมณฑลแซง กทม.

นายอิสระกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน โครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1 ล้านจะมีปรากฏการณ์ไปโตในจังหวัดปริมณฑลแทนกรุงเทพฯ ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี และนครปฐม เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดเรื่องผังเมืองมากดดัน จากปัจจุบันผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครมีข้อกำหนดเรื่อง "FAR-อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน" เช่น ที่ดิน 1 ไร่ มี 1,600 ตร.ม. FAR สูงสุดคือ 10 เท่า หรือเท่ากับพัฒนาได้ 16,000 ตร.ม. แต่ทำเลในเมือง FAR จะลดเหลือเพียง 4-5 เท่า สวนทางกับราคาที่ดินแพงตก ตร.ว.ละ 4-5 แสนบาท ดังนั้นจะพัฒนาคอนโดฯได้ต้องเป็นตลาดบนเท่านั้น

ประเมินจากสถิติของ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารสงเคราะห์) เห็นชัดเจนว่า จำนวนที่อยู่อาศัยแนวสูงสร้างเสร็จจดทะเบียนช่วง 7 เดือนแรก ปี 2554-2555 เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดปริมณฑล 30,610 ยูนิต แซงหน้าโครงการแนวสูงในกรุงเทพฯที่มีสถิติสร้างเสร็จจดทะเบียนเพียง 28,273 ยูนิต 

ในแง่อัตราการเติบโตพบด้วยว่า สถิติกรุงเทพฯลดลง 7% โดยปี 2554 มีตัวเลข 30,344 หน่วย ลดเหลือ 28,273 หน่วยในปี 2555 ขณะที่จังหวัดปริมณฑลเพิ่มถึง 58% โดยปี 2554 มีสถิติ 19,308 หน่วย ขณะที่ปี 2555 เพิ่มเป็น 30,610 หน่วย ในจำนวนนี้อยู่ใน จ.สมุทรสาคร 3,861 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 126% สมุทรปราการ 9,295 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 115% นนทบุรี 10,360 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 71% และปทุมธานี 5,279 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% ขณะที่นครปฐมลดลงเล็กน้อย

อสังหาฯต่างจังหวัดคึก

สำหรับแนวโน้มการลงทุนพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นายอิสระกล่าวว่า ปี 2556 ภาคอสังหาฯจะโตในตลาดต่างจังหวัดอย่างชัดเจน ทั้งในทำเลหัวเมืองหลักแต่ละภูมิภาคและจังหวัดชายแดน จากปีนี้ที่มีดีเวลอปเปอร์หลายรายทยอยขยายการลงทุนสู่ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ทำให้อสังหาฯในต่างจังหวัดร้อนแรง ราคาที่ดินในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ ภูเก็ต นครราชสีมา หาดใหญ่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ฯลฯ จะขยับขึ้นเร็วเท่าที่ประเมิน 3 จังหวัดที่น่าจับตามอง อันดับ 1 ก็ยังเป็นเมืองพัทยาและชลบุรี เพราะเป็นจังหวัดที่มีรายได้ทั้งจากภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการท่องเที่ยว มีท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ อันดับ 2 ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของชาวต่างชาติ แม้ว่ายุโรปกำลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ก็มีชาวต่างชาติจากรัสเซีย เกาหลี และจีน เข้ามาทดแทน อันดับ 3 น่าจะเป็นเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่มีการลงทุนบ้านพัก-คอนโดฯตากอากาศเป็นจำนวนมาก

"นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี สกลนคร มุกดาหาร ก็น่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้ม 2-3 ปีหน้า พื้นที่ต่างจังหวัดจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากเดิมเป็นสังคมเกษตรกรรมมาสู่การเป็นสังคมเมืองมากขึ้น แรงงานไทยจะหันมาทำงานภาคบริการในเมืองมากขึ้น" นายอิสระกล่าว

เชิญร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ และทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างอาคารปฏิบัติธรรมพรหมวชิรญาณ

ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ และทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศลสร้างอาคารปฏิบัติธรรมพรหมวชิรญาณ ๓ ชั้น ในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๓๐ น. ณ ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณป่าดงใหญ่วังอ้อ ตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระพรหมวชิรญาณ ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณจังหวัดอุบลราชธานี ประธานอุปถัมภ์ และประธานฝ่ายสงฆ์ นำประกอบพิธี กล่าวสัมโมทนียกถา และเปิดลานวิปัสสนาโลกุตระธรรม

ม.อุบลฯจัดงานนิทรรศการและแนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่น 31 ม.ค. 56

 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ขอเชิญ นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจ เข้าร่วมงาน  นิทรรศการและแนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่น  ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖  ณ โรงละคร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  จัดโดย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ องค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น (JASSO) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
               อาจารย์เสาวลักษณ์  หีบแก้ว   ประธานหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นและการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี แจ้งว่า งานนิทรรศการและแนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่น เป็นโครงการต่อเนื่องที่ซึ่งคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เปิดสอนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น และได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดจัดงานเป็นประจำทุกปี โดยกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย
  • นิทรรศการสถาบันการศึกษาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ
  • การบรรยายแนะแนวการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น
  • ข้อมูลทุนการศึกษากับบูธ JASSO
  • นิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น อาทิ ซุ้มการทำอาหารญี่ปุ่น ซุ้มถ่ายภาพชุดประจำชาติญี่ปุ่น การเขียนพู่กันญี่ปุ่น การเล่นเกมส์  เป็นต้น
  • การแสดงกิจกรรมต่างๆ เช่น การเต้นโซรัน การรำพัด และเล่าประสบการณ์ศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น
               ดังนั้น  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จึงขอเชิญชวน นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจ เข้าร่วมงานดังกล่าว  ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖  ณ โรงละคร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

สมาคมช่างตัดเย็บเสื้อผ้าอุบลฯ เตรียมจัดงานอุบลเมืองแฟชั่น 25 ม.ค.56


 วันที่ 20 มกราคม 2556 ที่โรงแรมรีเจ้นท์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายไชยยันต์ หาญชนะ ที่ปรึกษาสมาคมช่างตัดเย็บเสื้อผ้าจังหวัดอุบลราชธานี เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมการพัฒนาการออกแบบเสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทยจังหวัดอุบลราชธานี สู่อุบลเมืองแฟชั่น โดยมีผู้ประกอบการเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้า โดยเฉพาะผ้าไทยเข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีนายแบบ นางแบบ และนายแบบกิตติมศักดิ์อย่างนายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ซึ่งเป็นผู้ที่สมาคมช่างตัดเย็บเสื้อผ้าจังหวัดอุบลราชธานี ได้คัดเลือกให้เป็นผู้แต่งกายดีเด่น ภาคเอกชน มาร่วมฝึกซ้อมการเดินแฟชั่นโชว์ เพื่อแสดงเสื้อผ้าที่ตัดเย็บ ด้วยผ้าไทยโชว์ในการจัดงาน อุบลเมืองแฟชั่น ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 25 มกราคม 2556 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
               โดยภายในงานจะมีการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทย การแสดงแฟชั่นโชว์จากประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไทย ซึ่งเป็นผ้าที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยผ้าไทย มีความทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีในการผลิตผ้าไทย เพื่อส่งเสริมการตลาดในธุรกิจผ้าไทย

รพ.สรรพสิทธิจับมือ รพ.ปากเซ จัดโครงการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ให้ผู้ป่วยลาว


       โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ร่วมกับ โรงพยาบาลจำปาสัก แขวงจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สโมสรโรตารี่อุบลราชธานีและสมาคมจีนปากเซ  จัดโครงการความร่วมมือในการผ่าตัดผู้ป่วยทางศัลยกรรม  เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและแลกเปลี่ยนทางวิชาการในด้านการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีโดยการใช้กล้อง และลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยลาวในการรักษาพยาบาล 
                นพ.มนัส  กนกศิลป์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์  กล่าวว่า โครงการการผ่าตัดผู้ป่วยทางศัลยกรรมในครั้งนี้  เป็นโครงการที่ดำเนินตามปรัชญาทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่ให้บริการแก่บุคคลทุกคน  โดยไม่เลือกชั้น วรรณะ ชาติ หรือศาสนา และจะเป็นประโยชน์แก่ทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยลาวในการเดินทางมารับการรักษาพยาบาลในจังหวัดอุบลฯ และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลสรรพสิทธิฯที่ต้องใช้งบประมาณดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยลาวได้ถึงปีละ 25 ล้านบาท
                ทั้งนี้เมืองปากเซมีโรงพยาบาลของรัฐขนาด 100 เตียง จำนวน 1 โรงพยาบาล มีแพทย์จำนวน 88 คน  ซึ่งต้องให้บริการแก่ประชาชนใน 4 แขวงตอนใต้ทั้งหมดของประเทศ  ซึ่งมีประชากรทั้งหมดประมาณ 6 ล้านคน จึงไม่เพียงพอแก่การให้บริการ ดังนั้นผู้ป่วยจึงข้ามแดนมารับบริการทางสุขภาพที่จังหวัดอุบลฯ เป็นจำนวนมาก  จากสถิติของโรงพยาบาลสรรพสิทธิฯ พบว่า จำนวนผู้ป่วยลาวที่มารับบริการสุขภาพมีอัตราเฉลี่ย 1,580 คน/ปี โดยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่ได้รับการผ่าตัดเฉลี่ย 328 คน/ปี คิดเป็นร้อยละ 20.76 ของผู้ป่วยทั้งหมด
                นพ.เศวต ศรีศิริ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์  กล่าวว่า โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่พบมากในภาคอีสาน โดยพบเป็นอันดับที่ 3 ของโรคที่พบบ่อย 10 อันดับแรก  วิธีการรักษาคือการผ่าตัด ซึ่งที่ผ่านมาหลังการผ่าตัดผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน  โดยเฉลี่ย 5 - 7 วัน แต่ในปัจจุบันวิทยาการแพทย์ได้รุดหน้าไปมาก คือสามารถผ่าตัดโดยใช้กล้อง (Laparoscope)  ซึ่งประหยัดเวลาในการพักฟื้นของผู้ป่วยให้เหลือโดยเฉลี่ยเพียง 1 – 2 วัน และอาการปวดแผลหลังผ่าตัดก็ลดลง ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น ทำให้เป็นการลดภาระของผู้ป่วยและญาติในการนอนโรงพยาบาล 
                ซึ่งการดำเนินการผ่าตัดจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 23 - 25 มกราคม 2556 ณ โรงพยาบาลจำปาสัก  โดยทีมศัลยแพทย์ของทั้ง 2 โรงพยาบาล ในเบื้องต้นมีผู้ป่วยเข้าร่วมในโครงการฯ แล้ว จำนวน 30 ราย  นอกจากนี้ยังจะได้มีการดำเนินการผ่าตัดเส้นเลือดเทียมและการผ่าตัดไส้เลื่อนในผู้ป่วยบางรายร่วมด้วย

กก.3 บก.ปทส ลุยสั่งปิดบ่อดูดทราย จ.อุบลฯ พบไม่อนุญาตไม่พร้อม เครื่องยนต์แรงม้าเกิน


               บก.ปทส ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี บุกจับผู้ประกอบการบ่อขุดดินและดูดทราย หลังชาวบ้านร้องเรียนว่าเดือดร้อนจากรถขนดิน พบใบอนุญาตการก่อตั้งโรงงานไม่พร้อม แถมเครื่องยนต์แรงม้าเกินที่กำหนด สั่งหยุดชั่วคราว

               (22 ม.ค.) พ.ต.อ.สิทธิโรจน์ นพพิพงศ์ ผกก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ 30 นาย นำหมายค้น ที่ 133/2556 ศาลจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจสอบบ่อขุดดินและดูดทราย ของเจ้าของประกอบกิจการ 1.บ่อทรายบ้าท่าบ่อ 1และ2 ตำบลแจระแม อำเภอเมือง 2.บ่อทรายตั้งโชคดี บ้านคูสว่าง ตำบลหนองกินเพล และ3.บ่อทรายบ้านขวัญไม้แก่น ตำบลห้วยขะยุง อยู่ในพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี จากการตรวจสอบพบว่าบ่อดูดทรายบางแห่งเอกสารใบอนุญาตการก่อตั้งโรงงานไม่พร้อม การขุดดินลึกลงไปเกิน 3 เมตร และมีซึ่งทางเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดทำการดูดทรายไว้ชั่วคราว

               ทั้งนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าได้รับความเดือดร้อนกรณีรถบรรทุกดินวิ่งอยู่ตามถนนเส้นทางสายเลี่ยงเมืองจังหวัดอุบลราชธานี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียน จนพบรถบรรทุกดินวิ่งอยู่ตามถนนสองข้างของถนนดังกล่าวเป็นความจริง จึงขอหมายค้นเข้าตรวจสอบดังกล่าว

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

คณะเภสัช ม.อุบล เปิดรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา 2556

รอบที่ 2 วันที่ 1 มีนาคม 2556 - 19 เมษายน 2556 (ออนไลน์และไปรษณีย์ถึงวันที่ 12 เมษายน 2556)
ระดับปริญญาโท
1. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชเคมีและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ จำนวนรับ 5 คน Master of Science Program in Pharmaceutical Chemistry and Natural Products
คุณสมบัติผู้สมัคร
          - แผน ก 1 เน้นการทำวิทยานิพนธ์ สำเร็จการศึกษา วท.บ. สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง (เช่น เคมี จุลชีววิทยา ชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น) คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.75 และมีประสบการณ์การทำงานด้านเคมี การวิเคราะห์และพัฒนายา อาหาร หรือเครื่องสำอาง ไม่น้อยกว่า 2 ปี
          - แผน ก 2 เรียนรายวิชาในหลักสูตรในปีการศึกษาที่1 และทำวิทยานิพนธ์ในปีการศึกษาที่ 2 สำเร็จการศึกษา วท.บ. วิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือวิทยาศาสตร์สาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือกำลังศึกษาอยู่ในภาคการศึกษาสุดท้ายของหลักสูตรดังกล่าว คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.50
2. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารบริการสุขภาพ จำนวนรับ 10 คน  Master of Science Program in Health Service Management
คุณสมบัติผู้สมัคร
          สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าในสาขาแพทยศาสตรบัณฑิต ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต เภสัชศาสตรบัณฑิต พยาบาลศาสตรบัณฑิต สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต วิทยาศาสตรบัณฑิต (สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด หรือเทียบเท่า) หรือสาขาวิชาอื่นที่เทียบเท่าและมีความเกี่ยวเนื่องกับการทำงานระบบสาธารณสุข
ระดับปริญญาเอก
1. หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ จำนวนรับ 3 คน Doctor of Philosophy Program in Pharmaceutical Sciences                                               
คุณสมบัติผู้สมัคร
          สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหลักสูตรเภสัชศาสตร์ หรือกำลังศึกษาอยู่ในภาคการศึกษาสุดท้ายของหลักสูตรดังกล่าว และมีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 3.00 หรือในกรณีที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสมน้อยกว่า 3.00 แต่ไม่น้อยกว่า 2.75 ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์การทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 2 ปี
          สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทหลักสูตรเภสัชศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือวิทยาศาสตร์สาขาที่เกี่ยวข้อง
         สอบถามรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุขุมา พวงมะลิ งานบัณฑิตศึกษา คณะเภสัชศาสตร์ โทร. 045-353625 หรือที่ E-mail:phsukhpu@mail2.ubu.ac.th

วิธีการสมัคร
        1.1 สมัครด้วยตัวเอง ที่งานบริหารบัณฑิตศึกษา สำนักงานอธิการบดี (หลังเก่า) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ค่าสมัคร ในวันราชการ เวลา 9.00 - 15.30 น. และค่าระเบียบการ 600 บาท       
        1.2 สมัครทางไปรษณีย์ ค่าสมัคร ค่าระเบียบการ และค่าจัดส่ง 650 บาท ชำระเงินค่าสั่งซื้อใบสมัคร (150 บาท) -> ส่งเอกสารการสั่งซื้อและ แบบฟอร์มที่อยู่ในการส่งกลับ -> รับใบสมัคร -> กรอกข้อมูล -> ชำระเงินค่าสมัคร (500 บาท) -> ส่งเอกสารการสมัคร                                   
        1.3 สมัครผ่านระบบออนไลน์ -> กรอกข้อมูลการสมัคร -> พิมพ์ใบสมัครและใบชำระเงิน จากระบบ
-> ชำระเงินค่าสมัคร 500 บาท (ผ่านธนาคาร) -> ชำระเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ -> ส่งเอกสารการสมัครทางไปรษณีย์/ตัวเอง (* นับที่วันส่งเอกสารการสมัคร *) เข้าสมัครตามลิ้งค์นี้ http://www.ubu.ac.th/~study/SignIN.php

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

โรงเรียนกีฬาอุบลเปิดรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2556‏


 นายณรงค์ศักดิ์  คุรุพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี เผยถึงการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกีฬาฯ ว่า “ในขณะนี้ทางสถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประกาศรับนักเรียนที่สนใจเข้าศึกษาต่อยังโรงเรียนกีฬาสังกัดสถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในปีการศึกษา 2556 นี้ทางโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี จะเปิดรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ ทั้งหมด 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย 
1. กรีฑา             ม.1 , ม.2 และม.4  (ช/ญ)
2. เซปักตะกร้อ   ม.1 และม.4 (ช/ญ)
3. มวยไทย-มวยสากลสมัครเล่น  ม.1 และม.4 (ช/ญ) , ม.2 (ญ)
4. มวยปล้ำ         ม.1 และม.4 (ช/ญ)
5. ฟุตบอล          ม.1 (ช)
               สำหรับท่านผู้ปกครองที่สนใจจำนำบุตรหลานเข้าสมัครเรียน สามารถติดต่อสอบถามขอรับใบสมัครได้ตั้งแต่วันศุกร์  ที่ 4 มกราคม – วันจันทร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00น. ณ โรงเรียนกีฬาที่ประสงค์จะเข้าเรียน ทั้ง 11 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี  โรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น โรงเรียนกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ  โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี  โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครสวรรค์     โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช  โรงเรียนกีฬาจังหวัดอ่างทอง  โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง  โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี  โรงเรียนกีฬาจังหวัดยะลา และโรงเรียนกีฬาจังหวัดตรัง  
               นอกจากนี้ ท่านผู้ปกครองสามารถติต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมการรับนักเรียนของโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ได้ที่ 045 – 315846-7 และสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดการรับสมัครเพิ่มเติมได้ที่  http://www.ubss.ac.th/data-69232.html รวมถึงดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่  http://www.ubss.ac.th/data-69233.html “

เชิญร่วมงานปฏิบัติธรรมประจำปี วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี


กำหนดงานปฏิบัติธรรมประจำปี ระหว่าง 12-17 มกราคม 2556
ณ วัดหนองป่าพง ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ 12 มกราคม 2556
เวลา 09.00 น- ลงทะเบียน
- จัดที่พักตามจุดที่คณะกรรมการจัดให้ทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้ใฝ่ต่อการปฏิบัติธรรม
เวลา 14.00 น- ดูแลปัดกวาดที่พักให้สะอาดเรียบร้อย สรงนํ้า อาบนํ้า
เวลา 16.00 น- ฉันนํ้าปานะ เดินจงกรม
เวลา 19.00 น- สัญญาณระฆัง รวมนั่งสมาธิ ทำวัตรเย็น
เวลา 21.00 น- สมาทานศีล 8 ฟังพระธรรมเทศนา
เวลา 22.00 น- พักผ่อน
         
วันที่ 13-14 มกราคม 2556
เวลา 03.00 น- สัญญาณระฆัง ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ
เวลา 05.00 น- ภิกษุ สามเณร จัดโรงฉัน
เวลา 05.30 น- ภิกษุ สามเณร ออกรับบิณฑบาตร
เวลา 06.00 น- อุบาสก อุบาสิกาเดินจงกรม
เวลา 08.00 น- รวมกันที่ธรรมศาลา ฟังพระธรรมเทศนา กล่าวถวายสังฆทาน พระภิกษุ สามเณรรับและฉันภัตตาหาร
เวลา 10.00 น- ล้างบาตร รวมกันฉันที่โรงฉันฟังโอวาท กราบพระ เลิกพร้อมกัน กลับที่พัก เดินจงกรม
เวลา 12.00 น- พักผ่อน
เวลา 13.00 น- สัญญาณระฆัง พระภิกษุ สามเณรนั่งสมาธิ รวมกันที่อุโบสถ อุบาสก /อุบาสิกา รวมนั่งสมาธิที่ธรรมศาลา
เวลา 14.00 น- ฟังพระธรรมเทศนา (ตามมติที่ประชุมแยกอบรมพระเณร กับอุบาสก อุบาสิกา ต่างหาก)
เวลา 15.00 น- ฉันนํ้าปานะที่โรงฉัน ทำกิจส่วนตัว
เวลา 16.00 น- รวมกันเดินจงกรม
เวลา 19.00 น- ทำวัตรเย็น
เวลา 20.00 น- นั่งสมาธิภาวนา
เวลา 21.00 น- ฟังพระธรรมเทศนา
เวลา 22.00 น- พักผ่อน
         
วันที่ 16 มกราคม 2556
เวลา 03.00 น- สัญญาณระฆัง ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ
เวลา 05.00 น- ภิกษุ สามเณร จัดโรงฉัน
เวลา 05.30 น- ภิกษุ สามเณร ออกรับบิณฑบาตร
เวลา 06.00 น- อุบาสก อุบาสิกาเดินจงกรม
เวลา 08.00 น- รวมกันที่ธรรมศาลา ฟังพระธรรมเทศนา กล่าวถวายสังฆทาน พระภิกษุ สามเณรรับและฉันภัตตาหาร
เวลา 10.00 น- ล้างบาตร รวมกันฉันที่โรงฉันฟังโอวาท กราบพระ เลิกพร้อมกัน กลับที่พัก เดินจงกรม
เวลา 12.00 น- พักผ่อน
เวลา 13.00 น- สัญญาณระฆัง พระภิกษุ สามเณรนั่งสมาธิ รวมกันที่อุโบสถ อุบาสก /อุบาสิกา รวมนั่งสมาธิที่ธรรมศาลา
เวลา 14.00 น- ฟังพระธรรมเทศนา (ตามมติที่ประชุมแยกอบรมพระเณร กับอุบาสก อุบาสิกา ต่างหาก)
เวลา 15.00 น- จัดแถวพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกาพร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียนจากธรรมศาลา
สู่ลานเจดีย์พระโพธิญาณเณร ทำประทักษิณรอบเจดีย์ ๓ รอบ เสร็จ ฉันนํ้าปานะที่โรงฉัน
เวลา 17.00 น- พักผ่อนตามอัธยาศัย
เวลา 19.00 น- สัญญาณระฆัง ทำวัตรเย็น
เวลา 20.00 น- นั่งสมาธิภาวนาร่วมกัน
เวลา 21.00 น- ฟังพระธรรมเทศนาตลอดคืน
         
วันที่ 17 มกราคม 2556
เวลา 05.30 น- ภิกษุ สามเณร ออกรับบิณฑบาตร
เวลา 08.00 น- ทำพิธีเครื่องสักการะแด่พระมหาเถระ กล่าวถวายสังฆทาน พระภิกษุ สามเณรรับและฉันภัตตาหาร
เวลา 09.00 น- ล้างบาตร เก็บบริขาร ฟังโอวาทที่โรงฉัน กราบพระเลิกพร้อมกันแยกย้ายกลับอาวาสตามปกติ
หมายเหตุ : กำหนดการจะใช้อย่างนี้ทุกปี และอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

เทศบาลนครอุบลฯจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556

               นางรจนา กัลป์ตินันท์ นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 2 ของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556  ภายใต้คำขวัญจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ "รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน"    
               โดยเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้กำหนดจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความสามารถ เรียนรู้การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การรักษาสิ่งแวดล้อม และเรียนรู้ฝึกทักษะผ่านซุ้มกิจกรรมต่างๆ จำนวน 13 ซุ้ม ดังนี้
  1. ซุ้มธนาคารขยะรีไซเคิล นำขยะรีไซเคิลมาแลกรับอุปกรณ์การเรียนฟรี 1 ชุด
  2. ซุ้มลดภาวะโลกร้อน ซุ้มที่จัดแสดงกิจกรรมเพื่อลดภาวะโลกร้อนอย่างง่ายและได้รางวัลจากการเล่นเกมส์ตอบคำถาม
  3. ซุ้มประดิษฐ์สิ่งของเหลือใช้ เช่น กิจกรรมตุ๊กตาปูนปาสเตอร์ การสอนงานประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้
  4. ซุ้มบริการตรวจสุขภาพ บริการตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจฟัน การตรวจวัด EQ ฯลฯ
  5. ซุ้มกีฬา ฝึกทักษะด้วยเกมส์กีฬาชิงของรางวัลมากมาย
  6. ซุ้มตัดผมฟรี บริการตัดผมให้กับเด็กและปกครอง
  7. ซุ้มกิจกรรมอาเซียน เป็นซุ้มกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ความรู้ด้านเอกลักษณ์ความเป็นอาเซียนของแต่ประเทศ
  8. ซุ้มจิ๊กซอ การจัดการแข่งขันต่อจิ๊กซอทั้งประเภทเดี่ยวและประเภทครอบครัว เพื่อส่งเสริมความรักสามัคคี เพื่อฝึกทักษะสมองและประสาทสัมผัสให้กับเด็ก
  9. ซุ้มสวนสนุก เช่น กิจกรรมการปาเป้ารับรางวัล ปราสาทลมยาง สวนสนุก โชว์ลูกเสือ ฯลฯ
  10. ซุ้มดูหนังฟังธรรม (ห้องประชุมสภาชั้น 3)  ชมการฉายหนังเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น ฟังการบรรยายธรรมจากพระอาจารย์ชื่อดัง รับรองสนุกและได้ความรู้
  11. ซุ้มกิจกรรมโรยตัว เพื่อฝึกความสามารถในการพิชิตความสูง โดยเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการ
  12. ซุ้มเกมส์มหาสนุก ร่วมสนุกกับเกมส์ต่างๆมากมาย อาทิ เกมส์ Angry Bird เกมส์ลอดห่วงไฟฟ้า   กิจกรรมเกมส์ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์
  13. ซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม บริการอาหาร เครื่องดื่ม ไอศกรีม ขนมขบเคี้ยวมากมายตลอดงาน
               นอกจากนี้ ตื่นตาตื่นใจกับแสดงบนเวที  สนุกลุ้นกับการจับแจกของรางวัลมากมาย เทศบาลนครอุบลราชธานี จึงขอเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตร หลาน เข้าร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ณ สำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานี ในวันเสาร์ที่ 12 มกราคม  2556  เวลา 08.00 - 12.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  045 – 246060 – 3 ต่อ 139 ในวันและเวลาราชการ