วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ปี 2556 แชมป์เก่าแพ้ราบคาบ


SunMarch201323955_elec220.jpg

               เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้จัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการชิงตำแหน่งระหว่าง น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ ผู้สมัครเบอร์ 1 ผู้สมัครหน้าใหม่ สนับสนุนโดยกลุ่มของนายพรชัย โค้วสุรัตน์ นายก อบจ.อุบลราชธานี พล.ต.อ.ชิตชัย วรรณสถิต นายกสมาคมชาวอุบลราชธานี กับผู้สมัครอีกราย คือ นางรจนา กัลป์ตินันท์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี  ภรรยานายเกรียง  กัลป์ตินันท์  รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแชมป์เก่า
               ต่อมาเวลา 18.00 ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการออกมาปรากฎว่า นางสมปรารถนา วิกรัยเจริญเจริญ ผู้สมัครเบอร์ 1 ได้คะแนน 27,000 คะแนน นางรจนา  กัลป์ตินันท์ ได้คะแนน 15,000 คะแนน 
               ภายหลังทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ นางสมปรารถนา  พร้อมด้วยนายพรชัย  โค้วสุรัตน์ นายสิทธิชัย  โค้วสุรัตน์ และ พล.ต.อ.ชิดชัย  วรรณสถิตย์ ได้เปิดแถลงข่าวทันทีที่โรงแรมเนวาด้าอินท์ โดยนางสมปรารถนา กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุน และเมื่อได้รับความไว้วางใจสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนเป็นอันแรกเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานีคือการสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนและความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของข้าราชการในเทศบาลนครอุบลราชธานีและส่วนราชการอื่นเพื่อสร้างสรรค์เทศบาลนครอุบลราชธานีซึ่งก็หมายถึงหน้าตาของจังหวัดอุบลราชธานี สิ่งต่อมาคือการบริหารจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องบริหารจัดการ ไม่ว่าปัญหาขยะมูลฝอยและปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น และจัดการพัฒนาทุ่งศรีเมืองให้เป็นปอดของคนเมืองอุบลอย่างแท้จริง

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

พิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วันที่ 3 เมษายน 2556


               พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต จำนวนทั้งสิ้น ๒,๙๖๒ คน  โดยในปีนี้ รองศาสตราจารย์นงนิตย์  ธีระวัฒนสุขอธิการบดี  ในนามสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมีมติเป็นเอกฉันท์  ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาสังคมแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ และปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ แด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในวันพุธที่  ๓ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อมหาวิทยาลัยและพสกนิกรชาวอุบลราชธานีเป็นล้นพ้น
               ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา ซึ่งได้รับอนุมัติในการก่อสร้าง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา  ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐   ได้รับพระราชทานนามว่า “อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา” เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดแสดงพระราชประวัติ  พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นแหล่งเรียนรู้แก่ประชาชน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ  โดยห้องประชุมภายในอาคารสามารถจุคนได้จำนวน ๔,๐๐๐ คน  จากนั้น ทรงพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้มีอุปการคุณที่เข้าเฝ้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย จากนั้นจะทรงปลูกต้นกันเกรา จำนวน ๑ ต้น   และทรงเสร็จพระราชทานปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์แก่ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ทำคุณประโยชน์ต่อวงวิชาการ วิชาชีพและประเทศชาติ   จำนวน ๒ รายได้แก่ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ แด่ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.บังอร  ศรีพานิชกุลชัย   และปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์   แด่ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ชาญวิทย์  เกษตรศิริ และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ ระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต จำนวนทั้งสิ้น ๒,๙๖๒ คน โดยในปีนี้ นายประชา ประสพดี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในครั้งนี้ด้วย
               ในส่วนของ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งด้านสถานที่ต้อนรับ และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่บัณฑิต และญาติๆ จัดระบบเส้นทางการจราจร พื้นที่บริเวณจอดรถ ซึ่งกำหนดไว้ที่คณะ พร้อมทั้งถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์วงจรปิดตลอดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งสามารถรับชมได้ที่อาคารเรียนรวม ๔ และเรียนรวม ๕ หรือรับชมผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัย ที่เว็บไซด์  www.ubu.ac.th
               มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  จึงขอเรียนเชิญพสกนิกรชาวไทย ร่วมถวายความจงรักภักดีเฝ้ารับเสด็จ และร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  โดยพร้อมเพรียงกัน  ในวันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ น.เป็นต้นไป  ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

จังหวัดอุบลราชธานี กำหนดจัดงานสรงน้ำพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ประจำปี 2556



prachaoyai-inpang.jpg
               จังหวัดอุบลราชธานี กำหนดจัดงานสรงน้ำพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ประจำปี 2556 ณ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 26 เมษายน 2556 ด้วยการปิดทอง สรงน้ำ ฟังเทศน์มหาชาติ และถวายเครื่องสักการะองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง โดยมีกำหนดการดังนี้
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2556
เวลา 07.00 น.ขบวนอัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระเดชพระคุณ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม
และขบวนแห่เครื่องสักการะ เคลื่อนจากสนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานี
เวลา 07.59 น.ขบวนอัญเชิญเข้าสู่วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง
แห่รอบพระวิหาร 3 รอบ
เวลา 08.00 น.บวงสรวงพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
เวลา 09.00 น.คณะสงฆ์ ทายกทายิกา พร้อมเพรียงกัน ณ มณฑลพิธีหน้าพระวิหาร
พระเดชพระคุณ พระพรหมวชิรญาณ เข้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม เดินทางถึงมณฑลพิธี
นายชวน  ศิรินันท์พร  อธิบดีกรมการปกครอง ประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระรับศีล
เวลา 09.30 น.นายวันชัย  สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประธานกรรมการจัดงานฝ่ายฆราวาส กล่าวรายงานการจัดงาน
ายชวน  ศิรินันท์พร  อธิบดีกรมการปกครอง ประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน
พระสงฆ์สมณศักดิ์ 56 รูป เจริญชัยมงคลคาถา
พนักงานลั่นฆ้องชัย ย่ำเภรีตีระฆัง บรรเลงเพลงมหาฤกษ์
ประธานในพิธีปล่อยแพรเปิดงาน แล้วขึ้นสู่พระวิหารถวายเครื่องสักการะ ปิดทอง
อัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน สรงน้ำพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นปฐมฤกษ์
พิธีฟ้อนถวายสักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
ทอดผ้าป่าสามัคคี-สัมโมทนียกถา โดยพระพรหมวชิรญาณ
พระสงฆ์สมณศักดิ์ 56 รูป อนุโมทนา
พระพรหมวชิรญาณ มอบวัตถุมงคลที่ระลึกแก่ประธานในพิธี และแขกผู้มีเกียรติ
เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 18.00 น.พิธีมหาพุทธาภิเษก ตลอดคืน
วันที่ 12-16 เมษายน 2556
ปิดทอง สรงน้ำพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
ทำบุญรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ
ทำบุญสงกรานต์ปีใหม่ไทยตามปกติ
วันที่ 21-24 เมษายน 2556
เวลา 07.00 น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 12.00 น.ร่วมสนุกกับกิจกรรมเซียมซีการกุศล
เวลา 15.00 น.กิจกรรมพิเศษ สำหรับวันที่ 21 เมษายน ชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันโปงลาง
กิจกรรมพิเศษ สำหรับวันที่ 22 เมษายน ชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันกลองยาว
กิจกรรมพิเศษ สำหรับวันที่ 23 เมษายน ชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันวงดนตรี
กิจกรรมพิเศษ สำหรับวันที่ 24 เมษายน ชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันเดี่ยวพิณ/แคน
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556
เวลา 07.00 น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 15.00 น.ขบวนแห่บุญพระเวส จากวัดหลวง สู่วัดมหาวนาราม
เวลา 17.00 น.ร่วมพิธีตักบาตรดอกไม้ พระสงฆ์ 209 รูป
เวลา 18.00 น.พระสงฆ์/สามเณร ทั้งหมดเจริญพระพุทธมนต์ไชยน้อย ไชยใหญ่ และเทศน์มาลัยหมื่นมาลัยแสน
เวลา 20.00 น.ชมการแสดงโปงลางสด พร้อมแขกรับเชิญ
ราชินีหมอลำ บานเย็น รากแก่น V.S. เชียง เสียงสวรรค์ นักร้องรับเชิญจาก สปป.ลาว เจ้าของเพลงปลาค่อใหญ่
วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2556
เวลา 03.00 น.พิธีแห่ข้าวพันก้อน
เวลา 04.00 น.เริ่มเทศน์มหาชาติ  13 กัณฑ์ ไปตลอดทั้งวันจนจบ
เวลา 07.00 น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ สามเณร
เวลา 14.00 น.ต้อนรับคณะต้นกัณฑ์หลอนจากคุ้มวัดต่างๆ หน้าพระวิหาร
เวลา 19.00 น.คณะกรรมการจัดงานสรุปการจัดงาน พระสงฆ์อนุโมทนา เป็นเสร็จพิธี

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

แจ้งข่าว งานแข่งขันเครื่องเสียงติดรถยนต์ครั้งแรกใน อ. พิบูลมังสาหาร จ. อุบลราชธานี

 ในวันที่ 12 เมษายน พศ 2556 ณ บริเวณ ลานจอดรถหน้าห้าง บิ๊กซี สาขา พิบูลมังสาหาร กำหนดการ เริ่ม เวลา 13:00 น ลงทะเบียน และเริ่มแข่งขัน ถึง 19:00 น (หรือแล้วแต่จะแข่งเสร็จ) รับถ้วยรางวัล ร่วมโชว์ ในงานจนถึง 21:30 น จัดขึ้นโดย ทีมงาน คนที่รักในเครื่องเสียงทุกๆท่านในโลก
จุดประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อ แลกเปลี่ยนประสพการ แล้วนำไปพัฒนาฝีมือให้มีความก้าวหน้าให้พร้อมรับมือในสมาคมอาเซียน ในวันข้างหน้า ต่อไป (รายใด้ส่วนหนึ่ง จะนำไป บริจาก จัดซื้อ อุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียนที่ยังขาดแคลน) ขอบคุณ ในผู้ที่รักในเครื่องเสียงทุกๆท่าน


FotoSketcher - A3 (1)~2.jpg


กติกาการแข่งขัน รุ่นและเงินรางวัล 
1.รุ่นมาตรฐาน 
2.รุ่นมืออาชีพ 
3.รุ่นวัดใจ 
4. ประกวดรถสวยงาม 

รุ่น มาตรฐาน 
ประเภทมาตรฐาน 
1 กระบะแค๊บ 10 “ 1 คู่ ตู้ใต้เบาะ ขนาดตู้สูงไม่เกิน 35 ซม. แบตไม่เกิน 2 ลูก 
2 กระบะแค๊บ 12” 1 คู่ ตู้ใต้เบาะ ขนาดตู้สูงไม่เกิน 35 ซม. แบตไม่เกิน 2 ลูก 

3 กระบะแค๊บ 10” 1 คู่ ตู้ข้างแค๊บ มีพื้นที่เหลือไม่น้อยกว่า 60/90 ซม.แบตไม่เกิน 2 ลูก 
4 กระบะแค๊บ 12” 1 คู่ ตู้ข้างแค๊บ มีพื้นที่เหลือไม่น้อยกว่า 60/90 ซม.แบตไม่เกิน 2 ลูก 

5 รถเก๋ง 10” 1 คู่ ช่อง Port ขนาดไม่เกิน 7*10* แบตไม่เกิน 2ลูก 
6 รถเก๋ง 12” 1 คู่ ช่อง Port ขนาดไม่เกิน 7*10* แบตไม่เกิน 2ลูก 
7.รถเก๋ง 15" 1คู่ ช่อง Port ขนาดไม่เกิน 7*10* แบตไม่เกิน 2ลูก 

8. van 10" 1 คู่ ห้ามถอดเบาะหรือพับเบาะหลัง จะต้องปิดประตูหลัง 2 ข้าง เปิดประตูหน้า 2 บาน 
9. van 12” 1 คู่ ห้ามถอดเบาะหรือพับเบาะหลัง จะต้องปิดประตูหลัง 2 ข้าง เปิดประตูหน้า 2 บาน 
10. van 15” 1 คู่ ห้ามถอดเบาะหรือพับเบาะหลัง จะต้องปิดประตูหลัง 2 ข้าง เปิดประตูหน้า 2 บาน 

หมายเหตุ ประเภทมาตรฐาน คือรถลูกค้าใช้งาน 
-กรณีตู้ใต้เบาะ ขนาดตู้สูงไม่เกิน 35 ซม. วัดจากพื้นล่างสุดของตัวรถ ถึง ขอบบนสุดของตู้ ไม่รวมเบาะ 
-จะต้องเปิดเพลงในรถเท่านั้น 
-ตู้ต้องเรียบร้อย และวางตำแหน่งของลำโพงให้ลูกค้านั่งได้จริง 
-แบตห้ามเกิน 2 ลูก แบต 2 V. นับเป็น 1 ลูก 
-แบตวางตำแหน่งใหนก็ได้ 
-คนเปิดต้องนั่งในรถ ด้านคนนั่ง คนเดียวเท่านั้น 
-กรณีรถเก๋งมาตรฐาน Port ขนาดไม่เกิน 7*10* คือ ช่องของเบาะนั่งด้านหลังรถเก๋ง ถ้าเจาะขนาดที่จะเจาะจะต้องไม่เกิน 7*10* 
-ประเภทรถเก๋ง ห้ามถอดเบาะหรือพับเบาะหลัง จะต้องปิดประตูหลัง 2 ข้าง เปิดประตูหน้า 2 บาน 

รุ่นมาตรฐานทุกรุ่นค่าสมัครคันละ 500 บาทได้ถ้วยและเงินรางวัลทุกรุ่น 
รางวัลที่ 1 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 600 
รางวัลที่ 2 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 400 
รางวัลที่ 3 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 200 

รุ่นมืออาชีพ 
11. พิเศษ 2000 w . แอมป์ 1 ตัว ไม่เกิน 2000W. ไม่จำกัดประเภทรถหรือลำโพง 
12. พิเศษ 3000 w . แอมป์ 1 ตัว ไม่เกิน 3000W. ไม่จำกัดประเภทรถหรือลำโพง 


13. กระบะ 10 “ 1 คู่ ไม่เจาะกระบะ 
14. กระบะ 12 “ 1 คู่ ไม่เจาะกระบะ 

15. กระบะ 10 “ 1 คู่ เจาะกระบะ 
16. กระบะ 12 “ 1 คู่ เจาะกระบะ 
17. กระบะ 15 “ 1 คู่ เจาะกระบะ 

18. รถเก๋ง 10 " 1 คู่ 
19. รถเก๋ง 12 " 1 คู่ 
20. รถเก๋ง 15 " 1 คู่ 

21. van 10" 1 คู่ 
22. van 12” 1 คู่ 
23. van 15” 1 คู่ 

รุ่นมืออาชีพทุกรุ่นค่าสมัครคันละ 800 บาทได้ถ้วยและเงินรางวัลทุกรุ่น 
รางวัลที่ 1 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 1000 
รางวัลที่ 2 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 800 
รางวัลที่ 3 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 500 

24. OPEN กระบะ 

25. OPEN เก๋ง 

26. OPEN VAN 

รุ่น open ค่าสมัครคันละ 1000 บาท 
รางวัลที่ 1 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 1500 
รางวัลที่ 2 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 1000 
รางวัลที่ 3 ถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 800 

รุ่นวัดใจ 
รุ่นวัดใจค่าสมัคคันละ 500 บาท (ได้ถ้วยทุกคัน) 


ประกวดรถสวย 
ค่าสมัครคันละ 500 (การตัดสินขึ้นอยู่กับผลโหวดของทานผู้ชม) 
รางวัลที่ 1 ถ้วยเกียรติยศ 1 
รางวัลที่ 2 ถ้วยเกียรติยศ 2 
รางวัลที่ 3 ถ้วยเกียรติยศ 3 

( รถแวนสามรถลงแข่งขันกับประเภทรถเก๋งได้) 
กำหนดเพลง 2 เพลง คือ 
1. HOTEL California 
2. ขอนไม้กับเรือ บ่าววี 


ใช้เวลาในการเปิด 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วินาที ให้เวลาเตรียมตัวก่อนเปิดเพลง ครั้งล่ะ 3 นาที กรรมการจับเวลาเมื่อติดไมค์เสร็จ เมื่อพร้อมที่จะเปิดเพลงให้บีบแตร หรือถ้าไม่มีแตร จะต้องให้สัญญากรรมการ ถ้าภายใน 3 นาที ยังไม่ให้สัญญาณ กรรมการจะเริ่มเดินเวลาเครื่องวัดทันที 
-เมื่อถึงคิวที่จะต้องแข่งขัน จะต้องนำรถเข้ามาวัด ภานใน 5 นาที 

* รถที่ลงแข่งขันในแต่ละรุ่นต้อง 6 คันขึ้นไปถึงจะได้รับเงินรางวัล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมใด้ที่ http://www.Facebook.com/
ขันทองออดิโอคาร์ อ พิบูล จ อุบล

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

ฉลอง 200 ปี เมืองเขมราษฎร์ธานี ปี 2557

“ต้นตำรับรำตังหวาย ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์น้ำใจงาม สุดเขตแดนสยาม มะขามหวานหลายหลาก กล้วยตากรสดี ประเพณีแห่เทียนพรรษา แข่งนาวาสองฝั่งโขง”
               ประวัติและความเป็นมา อำเภอเขมราฐ เดิมมีฐานะเป็นเมือง และเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ เพราะเป็นเมืองที่เทียบได้กับหัวเมืองเอก ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร มิได้ขึ้นกับเมืองอุบลราชธานีเช่นเมืองอื่นๆ และ เมืองเขมราฐ ยังมีเมืองขึ้นอีกหลายเมือง เช่น เมืองอำนาจเจริญ เมืองคำเขื่อนแก้วเป็นต้น
               การตั้งเมืองเขมราฐ ปรากฏเอกสารที่เป็นหลักฐานว่าในปี พ.ศ. 2357 ซึ่งเป็นปีเดียวกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าตั้งเมืองยโสธรขึ้น อุปฮาด (ก่ำ) ซึ่งเป็นอุปฮาดเมืองอุบลราชธานี ไม่พอใจที่ทำราชการกับพระพรหมราชวงศา (ท้าวทิดพรหม) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2 จึงอพยพไพล่พลไปหาทำเลที่เหมาะสมตั้งเมืองขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นการสนองพระบรม ราโชบายในการตั้งเมืองขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลานั้นๆ ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านโคกกงพะเนียง ขึ้นเป็นเมืองเขมราฐธานีขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2357 พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้อุปฮาด (ก่ำ) เป็นพระเจ้าเทพวงศาเมืองตลอดสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองเขมราฐ มีความสำคัญ และขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานครตลอดมา
               ถึง พ.ศ. 2371 เมื่อเสร็จสิ้นสงครามปราบกบฏเจ้าอนุแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เมืองโขงเจียม ซึ่งเคยขึ้นตรงต่อเจ้าเมืองจำปาสักมาขึ้นตรงต่อเมืองเขมราฐ เป็นผลให้เมืองเขมราฐมีบทบาทมากขึ้น เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองคำเขื่อนแก้วในปี พ.ศ.2388 เมืองอำนาจเจริญในปี พ.ศ. 2401 ก็โปรดเกล้าให้ขึ้นตรงต่อเมืองเขมราฐ เช่นกัน
               ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการปรับปรุงการปกครองส่วนภูมิภาคครั้งใหญ่ เพื่อให้บังเกิดผลตามที่กำหนดใน “ พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116 ” มณฑลอีสานถูกแบ่งออกเป็น 8 บริเวณ สำหรับบริเวณอุบลราชธานี มีอยู่ 3 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี เมืองเขมราฐ และเมืองยโสธร แต่ละเมืองมีพื้นที่ขึ้นตรงหลายอำเภอดังที่ปรากฏว่าในปี พ.ศ.2445 เมืองเขมราฐ มีพระเขมรัฐเดชธนีรักษ์ (คำบุ) เป็นผู้ว่าราชการเมือง และมีอำนาจอยู่ในปกครอง 6 อำเภอ คืออำเภออุทัยเขมราฐ อำเภอประจิมเขมราฐ อำเภออำนาจเจริญ อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอโขงเจียม และอำเภอวารินชำราบ อันแสดงให้เห็นว่าเมืองเขมราฐ ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก
               ต่อมาใน พ.ศ. 2452 ได้มีการปรับปรุงการปกครองภายในบริเวณเมืองอุบลราชธานีอีก ครั้งหนึ่ง เมืองเขมราฐถูกลดฐานะเป็นอำเภอ และรวมอำเภออุทัยเขมราฐ และอำเภอประจิมเขมราฐ เข้าด้วยกันเป็นอำเภออุทัยเขมราฐ ขึ้นกับเมืองยโสธร แต่ก็ยังเป็นบริเวณอุบลราชธานีอยู่เหมือนเดิม ในราชการพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการแยกมณฑลอีสานออกเป็น 2 มณฑล คือ มณฑลอุบลราชธานี กับมณฑลร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2455 และมีการปรับปรุงให้เหมาะสม เมืองยโสธรถูกยกเลิกไป เมืองอุทัยเขมราฐ ก็มีฐานะเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดอุบลราชธานีตลอดมาจนถึงปัจจุบัน.
               ข้อมูลทั่วไปอำเภอเขมราฐ อำเภอเขมราฐ เป็นอำเภอชายแดน อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดอุบลราชธานี มีที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด ระยะห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 105 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร ระยะทางประมาณ 750 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 9 ตำบล 123 หมู่บ้าน มีพื้นที่ประมาณ 526.75 ตารางกิโลเมตร และมีอาณาเขต ดังนี้ ทิศเหนือ จรดแนวฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณตรงข้ามเมืองสองคอนแขวงสะหวันเขต ประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นแนวยาวตามลำน้ำโขง ทิศตะวันออก จรดแนวฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณตรงข้ามเมืองคอนพะเพ็ง แขวงสาละวัน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนาตาล และอำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปทุมราชวงศา และอำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ
               การปกครองท้องที่ อำเภอเขมราฐแบ่งการปกครองท้องที่ออกเป็น 9 ตำบล 123 หมู่บ้าน คือ 1) ตำบลเขมราฐ 22 หมู่บ้าน 2) ตำบลขามป้อม 17 หมู่บ้าน 3)ตำบลหัวนา 15 หมู่บ้าน 4) ตำบลหนองผือ 14 หมู่บ้าน 5) ตำบลนาแวง 13 หมู่บ้าน 6) ตำบลหนองนกทา 13 หมู่บ้าน 7) ตำบลแก้งเหนือ 10 หมู่บ้าน 8) ตำบลหนองสิม 10 หมู่บ้าน 9) ตำบลเจียด 9 หมู่บ้าน
               การปกครองท้องถิ่น มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มี 10 แห่ง เทศบาลตำบล 5 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง คือ1) เทศบาลตำบลเขมราฐ 2) เทศบาลตำบลเทพวงศา 3) เทศบาลตำบลขามป้อม 4) เทศบาลตำบลหนองผือ 5) เทศบาลตำบลหัวนา 6) องค์การบริหารส่วนตำบลเจียด 7) องค์การบริหารส่วนตำบลหนองสิม 8)องค์การบริหารส่วนตำบลแก้งเหนือ 9) องค์การบริหารส่วนตำบลนาแวง 10) องค์การบริหารส่วนตำบลหนองนกทา ที่ว่าการอำเภอเขมราฐ ตั้งอยู่ถนนอรุณประเสริฐ (อ.เขมราฐ-อำนาจเจริญ) ในที่ดินสาธารณประโยชน์ เนื้อที่ 63 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา (หนังสือสำคัญเลขที่ อบ.1494 ออกให้ ณ วันที่ 9 เมษายน 2540)
               จังหวัดอุบลราชธานี เคยจัดงานฉลอง 200 ปี อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 13 -15 กรกฏาคม 2535 โดยมีนายสายสิทธิ์ พรแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับทุกภาคส่วน จัดงานได้ยิ่งใหญ่ ผู้ประสานงานสำคัญคือ นายชาติสง่า โมฬีชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และคณะ มีการประชุมวางแผน กำหนดขั้นตอน และมอบหมายงานอย่างชัดเจน ทำให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น และยิ่งใหญ่.. หากย้อนไปพอจำได้ว่า พิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน พิธีเปิดงานขบวนแห่วัฒนธรรมจากทุกอำเภอ การจัดทำหนังสือที่ระลึก 200 ปี อุบลราชธานี การพิมพ์เอกสารตำรายาโบราณ การอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือน และจัดถนนทุกสายให้สวยงามตลอดเดือน/ตลอดปี และอีกหลายกิจกรรมที่ชาวอุบลราชธานี มีส่วนร่วมในการจัดงานฉลอง 200 ปี อุบลราชธานี เมื่อปี 2535
               ในโอกาสอันใกล้นี้ เมืองเขมราษฏร์ธานี จะครบ 200 ปี ในปี 2557 ชาวเขมราฐพร้อมที่จัดงานเพื่อสืบสานตำนานประวัติศาสตร์เมืองสำคัญในอดีต หรือจังหวัดอุบลราชธานีจะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการจัดงานอย่างไร...ฝากเรียนผู้เกี่ยวข้องทราบ...และขอนำภาพเก่าจากอดีต ปัจจุบัน ในความทรงจำ เพื่อประชาสัมพันธ์..ก่อนจะถึง ปีพ.ศ. 2557 ครับ

ขอเชิญร่วมงานนิทรรศการและการแสดงผลงานนักศึกษา “มีแต่แนว”

ขอเชิญร่วมงานนิทรรศการและการแสดงผลงานนักศึกษา “มีแต่แนว”


               คณะศิลปประยุกต์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจัดโครงการนิทรรศการนำเสนอผลงานวิทยานิพนธ์ ประจำปีการศึกษา  ๒๕๕๕ โดยนำเสนอผลงานนักศึกษาชั้นปีที่ ๔ ที่จะสำเร็จการศึกษา  ในงานนิทรรศการนำเสนอผลงานวิทยานิพนธ์ “มีแต่แนว” Thesis Exhibition : Faculty of Applied Arts and Design ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๗  มีนาคม ๒๕๕๖  ณ บริเวณลานเสาเฉลียง โครงการอุบลสแควร์ ตลาดนิกรธานี  จังหวัดอุบลราชธานี
               ดร.กัญญา  จึงวิมุติพันธ์ คณบดีคณะศิลปประยุกต์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในครั้งนี้ ผลงานของนักศึกษาซึ่งมีทั้งหมดกว่า ๔๐ ชิ้น ได้นำเสนอด้านวัฒนธรรมพื้นถิ่นอีสานและลุ่มน้ำโขง  ซึ่งนำมาเป็นแรงขับเคลื่อนพัฒนานวัตกรรมทางด้านการออกแบบ ส่งเสริมและพัฒนาทักษะประสบการณ์ด้านการจัดนิทรรศการให้กับนักศึกษา และรวมถึงการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์บนรากฐานการอนุรักษ์และการพัฒนาต่อยอดทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น มารับใช้วิถีสังคมใหม่  แบ่งผลงานออกเป็น ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์, ด้านการออกแบบสื่อโฆษณาศิลป์, ด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่เปิดสอนในคณะนั่นเอง
               กิจกรรมที่น่าสนใจในงาน ประกอบด้วย  การเดินแฟชั่นโดยนางแบบนายแบบมืออาชีพพร้อมการออกแบบชุดแต่งกาย ที่ดีไซน์ได้อย่างสวยงามลงตัว  หลากหลายผลงานสร้างสรรค์การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นน่าสนใจ สัมผัสชุดเครื่องเซระมิคทรงคุณค่าน่าเก็บไว้ครอบครอง  หลากหลายอารมณ์กับการชมหนังสั้น  และการประกวดนักออกแบบรุ่นเยาว์ ระดับมัธยมปลาย  งานนี้บอกได้คำเดียวว่า  " มีแต่แนว " 
               ห้ามพลาด วันที่ ๑๕ - ๑๗  มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ น.เป็นต้นไป  ในงานนิทรรศการนำเสนอผลงานวิทยานิพนธ์ ประจำปีการศึกษา  ๒๕๕๕   ผู้ร่วมงานรับของที่ระลึก และลุ้นรับของรางวัลมากมาย  ณ บริเวณลานเสาเฉลียง โครงการอุบลสแควร์ ศูนย์การค้าตลาดนิกรธานี จังหวัดอุบลราชธานี ฟรีตลอดงาน..

อุบลไบโอฯ ผงาด..ผลิตเอทานอลครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ


  น.ส.สุรียส โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ที่ หมู่ 9 บ้านหนองแปน ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี โดยมีบริษัทในเครือทั้งสิ้น  4 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท อุบลเกษตรพลังงาน จำกัด ผลิตแป้งมันสำปะหลังสำเร็จรูปคุณภาพดีวันละ 300 ตันแป้ง  2. บริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด  ผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงแป้งมันสำปะหลัง ผลิตก๊าซชีวภาพได้ ี36,000  ลบ.ม./วัน และนำก๊าซชีวภาพมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้วันละ 1.9 เมกกะวัตต์ เพื่อใช้ภายในโรงงานและขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อกระจายไฟให้แก่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และ 3. บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด  ซึ่งผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง 99.5% และเกรดอุตสาหกรรม 95% มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตร/วัน โดยเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มกลั่นเอทานอลได้เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ส่วนบริษัทที่ 4 คือ บริษัท เอ็นพีไบโอ เอนเนอยี่ จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพป้อนเข้าสู่ตลาดในประเทศต่อไป โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเริ่มต้นดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จแต่อย่างใด
               น.ส.สุรียส  กล่าวว่า  ปัจจุบันกลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ซึ่งมี บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด เป็นบริษัทแม่ และบริษัทลูกอีก 3 บริษัท ดังที่กล่าวข้างต้น ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปพืชพลังงาน คือมันสำปะหลัง ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานตอนล่าง ขณะที่การผลิตเอทานอลถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศ เนื่องจากสามารถผลิตเอทานอลได้จากวัตถุดิบถึง 3 ชนิด คือ มันสด มันเส้น และกากน้ำตาล ปัจจุบันร่วมทุนกับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นรายละ 21.28% ขณะที่กลุ่มผู้ก่อตั้งรายเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 57.44% โดยส่งขายผลิตภัณฑ์แป้งมันให้ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะที่เอทานอลได้ส่งขายให้กับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ร่วมทุน และจำหน่ายให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รวมทั้งลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศที่กำลังเจรจาสั่งซื้อเพิ่มเติมอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนการเตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศในแถบ จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และอื่นๆ
               น.ส.สุรียส กล่าวว่า  ปัจจุบันน้ำมันดิบจากธรรมชาติเริ่มลดปริมาณลงเรื่อยๆ และอีกไม่กี่ปีก็จะหมดลง รวมทั้งก๊าซธรรมชาติก็เช่นกัน ขณะที่การใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงของโลกมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงนับเป็นโอกาสดีของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังซึ่งนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะมีโอกาสสร้างรายได้จากการปลูกมันสำปะหลังและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2556 นี้กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล จะมีความต้องการมันสำปะหลังทั้ง มันสด และมันเส้น เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตมากถึง 6,000 ตัน/วัน  จึงเชิญชวนเกษตรกรให้มาปลูกมันสำปะหลังซึ่งจะมีอนาคตดีอย่างแน่นอน เนื่องจากโรงงานรับซื้อมันสดและมันเส้นจากเกษตรกรตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีลานสาขาของบริษัทฯ ที่เปิดรับซื้อมันจากเกษตรกรในพื้นที่ จ.อุบลฯ ยโสธร และศรีสะเกษ รวม 9 แห่ง เพื่อสะดวกต่อการรับซื้อมันจากเกษตรกร  ขณะที่ในด้านความมั่นคงของการผลิตเอทานอล ปัจจุบันบริษัทได้ทำการเช่าถังเก็บเอทานอลของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ  จึงมั่นคงต่อการกระจายสินค้าและสะดวกต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศเนื่องจากอยู่ใกล้กับท่าเรือ จึงสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่าบริษัทมีความมั่นคงแน่นอน  ขณะเดียวกันหลังจากรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 ทำให้ปริมาณการใช้เอทานอลภายในประเทศสูงขึ้นเป็น 2.5 ล้านลิตร/วัน จึงส่งผลดีกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล ซึ่งหมายถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนั่นเอง  น.ส.สุรียส กล่าว 

พ่อเมืองอุบลฯ ดึงประชาชนทั้ง 25 อำเภอ ร่วมงานแห่เทียนเข้าพรรษา


วันที่ 13 มี.ค. 56 ที่ห้องประชุมสุบงกช ศาลากลางชั่วคราวจังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2556 โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน นายช่างทำเทียนพรรษา และสื่อมวลชน เข้าร่วมประชุม
               ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวในที่ประชุมว่า ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมใจกันจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา มาแล้ว 111 ปี ในปีนี้ เป็นการจัดงานปีที่ 112 โดยกำหนดจัดงาน ตลอดเดือนกรกฎาคม 2556 พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ส่วนวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 เป็นพิธีเปิดขบวนแห่เทียนพรรษา
               สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นต้นฉบับของการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา มีนายช่างฝีมือดีในการจัดทำต้นเทียนที่มีความสวยงามที่สุด จุดเด่น ของต้นเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีที่แตกต่างไปจากจังหวัดอื่นๆ คือ ความสวยงาม วิจิตร พิสดาร ของต้นเทียน และเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธชาดก คำสอนทางพุทธศาสนา ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในต้นเทียน ทุกขบวน นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมการเยือนชุมชน ชมวิถีชีวิตคนทำเทียน โดยตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม ทุกชุมชนจะมีการร่วมใจกันทำต้นเทียนพรรษา โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้มีโอกาสมาเยี่ยมชม มีส่วนร่วมในการทำต้นเทียนพรรษากับคนในชุมชน จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และสัมผัสกับวิถีชีวิตคนทำเทียนที่จังหวัดอุบลราชธานีอย่างแท้จริง
               รวมทั้งก่อนถึงวันงาน จะมีการจัดกิจกรรม เฉลิมฉลองสมโภชเทียนพรรษา ทั้ง 25 อำเภอ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ ร่วมใจกันสวมใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองตลอดช่วงการจัดงาน และทุกอำเภอ จะมีขบวนต้นเทียนเข้าพรรษาร่วมขบวนแห่ในวันที่ 23 กรกฎาคม พร้อมการแสดงพื้นบ้านให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างจุใจ
               ส่วนด้านงบประมาณ ในปีนี้ ททท.ได้สนับสนุนเพียง 3 แสนบาทเท่านั้น เพราะงบส่วนใหญ่นำไปสนับสนุนงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาที่จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมดึงกิจกรรมประติมากรรมเทียนนานาชาติ ซึ่งจัดที่จังหวัดอุบลราชธานีมาโดยตลอดไปจัดที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดก็จะรับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในจังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งเป้าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้แล้วที่ประมาณ 10 ล้านบาท และเน้นย้ำให้ประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี ช่วยกันประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาและเป็นเจ้าภาพต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนด้วยไมตรีจิตรอันดี ทางจังหวัดจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามผลการดำเนินงานทุก 15 วัน เพื่อให้การจัดงานปีนี้ออกมาดีและถูกใจนักท่องเที่ยวมากที่สุด

"ปภ." เตรียมจัดงานวันอปพร.สัญจร นำร่อง อุบล ที่แรก



               ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวจัดกิจกรรมเนื่องในวันอปพร.ประจำปี พ.ศ.2556 ระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ณ มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีว่า อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนมุ่งพัฒนาเป็นต้นแบบเครือข่ายจิตอาสาภาคประชาชนที่มีขีดความสามารถป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ ส่งเสริมทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ครอบคลุมทุกประเภทภัย พร้อมเตรียมระบบงานอปพร.เข้าสู่ประชาคมอาเซียน เชื่อมโยงการปฏิบัติงานให้มีมาตราฐานระดับสากล
  
               ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า ในวันดังกล่าวจะมีกิจกรรมพิธีชุมนุมสวนสนามของอปพร.กว่า 7,000 คน พิธีมอบรางวัลแก่ศูนย์อปพร.ดีเด่นจำนวน 42 ศูนย์และอปพร.ดีเด่นจำนวน 179 คน พร้อมกันนี้จะมีการกล่าวปฏิญาณตนและต่อต้านยาเสพติดของอปพร. โดยจะมีการจัดงานวันอปพร.ครั้งต่อไปในรูปแบบสัญจรในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอปพร.ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
               ขณะที่ นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวยืนยันถึงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันอปพร. โดยจะรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ถือเป็นจังหวัดนำร่องในการจัดงานในรูปแบบสัญจร

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

เทศบาลนครอุบลฯ เชิญผู้มีสิทธิเลือกตั้งตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

เทศบาลนครอุบลฯ เชิญผู้มีสิทธิเลือกตั้งตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

               ตามประกาศผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลนครอุบลราชธานี เรื่องให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลราชธานี  จึงประกาศให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี  ในวันอาทิตย์ที่  24 มีนาคม  2556  ตั้งแต่เวลา 08.00  15.00 น.    ณ  หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่อและมีสิทธิ 
               เทศบาลนครอุบลราชธานี จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่ด้านหน้าสำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานี หรือหน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่อ  หากพบไม่ถูกต้อง แจ้งเพิ่ม หรือถอนชื่อในทะเบียนบ้าน ได้ตั้งแต่วันนี้ – 13 มีนาคม 2556      ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครอุบลราชธานี ทุกวันไม่เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี 045-246060-4 ต่อ 222

แผ่นพับหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์

แผ่นพับหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์


แผ่นพับหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 1 นส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ

แผ่นพับหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 1 นส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ


อาคารวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อาคารวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี