วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

อุบลไบโอฯ ผงาด..ผลิตเอทานอลครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ


  น.ส.สุรียส โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ที่ หมู่ 9 บ้านหนองแปน ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี โดยมีบริษัทในเครือทั้งสิ้น  4 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท อุบลเกษตรพลังงาน จำกัด ผลิตแป้งมันสำปะหลังสำเร็จรูปคุณภาพดีวันละ 300 ตันแป้ง  2. บริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด  ผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงแป้งมันสำปะหลัง ผลิตก๊าซชีวภาพได้ ี36,000  ลบ.ม./วัน และนำก๊าซชีวภาพมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้วันละ 1.9 เมกกะวัตต์ เพื่อใช้ภายในโรงงานและขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อกระจายไฟให้แก่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และ 3. บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด  ซึ่งผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง 99.5% และเกรดอุตสาหกรรม 95% มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตร/วัน โดยเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มกลั่นเอทานอลได้เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ส่วนบริษัทที่ 4 คือ บริษัท เอ็นพีไบโอ เอนเนอยี่ จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพป้อนเข้าสู่ตลาดในประเทศต่อไป โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเริ่มต้นดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จแต่อย่างใด
               น.ส.สุรียส  กล่าวว่า  ปัจจุบันกลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ซึ่งมี บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด เป็นบริษัทแม่ และบริษัทลูกอีก 3 บริษัท ดังที่กล่าวข้างต้น ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปพืชพลังงาน คือมันสำปะหลัง ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานตอนล่าง ขณะที่การผลิตเอทานอลถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศ เนื่องจากสามารถผลิตเอทานอลได้จากวัตถุดิบถึง 3 ชนิด คือ มันสด มันเส้น และกากน้ำตาล ปัจจุบันร่วมทุนกับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นรายละ 21.28% ขณะที่กลุ่มผู้ก่อตั้งรายเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 57.44% โดยส่งขายผลิตภัณฑ์แป้งมันให้ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะที่เอทานอลได้ส่งขายให้กับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ร่วมทุน และจำหน่ายให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รวมทั้งลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศที่กำลังเจรจาสั่งซื้อเพิ่มเติมอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนการเตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศในแถบ จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และอื่นๆ
               น.ส.สุรียส กล่าวว่า  ปัจจุบันน้ำมันดิบจากธรรมชาติเริ่มลดปริมาณลงเรื่อยๆ และอีกไม่กี่ปีก็จะหมดลง รวมทั้งก๊าซธรรมชาติก็เช่นกัน ขณะที่การใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงของโลกมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงนับเป็นโอกาสดีของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังซึ่งนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะมีโอกาสสร้างรายได้จากการปลูกมันสำปะหลังและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2556 นี้กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล จะมีความต้องการมันสำปะหลังทั้ง มันสด และมันเส้น เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตมากถึง 6,000 ตัน/วัน  จึงเชิญชวนเกษตรกรให้มาปลูกมันสำปะหลังซึ่งจะมีอนาคตดีอย่างแน่นอน เนื่องจากโรงงานรับซื้อมันสดและมันเส้นจากเกษตรกรตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีลานสาขาของบริษัทฯ ที่เปิดรับซื้อมันจากเกษตรกรในพื้นที่ จ.อุบลฯ ยโสธร และศรีสะเกษ รวม 9 แห่ง เพื่อสะดวกต่อการรับซื้อมันจากเกษตรกร  ขณะที่ในด้านความมั่นคงของการผลิตเอทานอล ปัจจุบันบริษัทได้ทำการเช่าถังเก็บเอทานอลของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ  จึงมั่นคงต่อการกระจายสินค้าและสะดวกต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศเนื่องจากอยู่ใกล้กับท่าเรือ จึงสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่าบริษัทมีความมั่นคงแน่นอน  ขณะเดียวกันหลังจากรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 ทำให้ปริมาณการใช้เอทานอลภายในประเทศสูงขึ้นเป็น 2.5 ล้านลิตร/วัน จึงส่งผลดีกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล ซึ่งหมายถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนั่นเอง  น.ส.สุรียส กล่าว 

1 ความคิดเห็น:

  1. ใครจะเชื่อว่า ประเทศไทย จะสามารถเป็นผู้นำด้าน ไบโอเอทานอลได้ สุดยอดจริงๆ เลย

    ตอบลบ