วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประมงอุบล ขอความร่วมมือ 16 พ.ค.-15 ก.ย.55 งดจับสัตว์น้ำในช่วงฤดูวางไข่


 นายสมเกียรติ พงษ์ศิริจันทร์ ประมงจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายนของทุกปี ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองจะเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากฝนที่ตกหนักทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งเรียกว่า “ฤดูน้ำแดง” จากฝนที่ตกชะล้างหน้าดินและพัดเอาตะกอนธาตุอาหารต่างๆลงสู่แม่น้ำลำคลอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้ปลาน้ำจืดผสมพันธุ์และวางไข่ จากเหตุผลดังกล่าวทางราชการโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับนิสัยการผสมพันธุ์และวางไข่ของปลาพบว่าระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคมถึง 15 กันยายนของทุกปี เป็นช่วงที่ปลาน้ำจืดผสมพันธุ์วางไข่มากที่สุด จึงได้กำหนดให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูปลาน้ำจืดมีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกทั้งประเทศตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ลงวันที่ 17 เมษายน 2507 เว้นแต่บางจังหวัดที่มีการศึกษาวิจัยทางวิชาการ จนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าช่วงระยะเวลาของฤดูปลาน้ำจืดมีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกมีความแตกต่างออกไปตามสภาพภูมิประเทศ ดินฟ้า อากาศ และสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการวางไข่แพร่พันธุ์ของสัตว์น้ำ ก็ให้จังหวัดประกาศกำหนดฤดูปลามีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกเป็นการเฉพาะ
               ประมงจังหวัดอุบลราชธานี ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในฤดูปลามีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกในช่วงเวลาที่กำหนด ห้ามมิให้ทำการประมงในแหล่งน้ำจืดสาธารณะประโยชน์ทุกแห่ง เว้นแต่เครื่องมือที่ไม่ทำลายพ่อแม่พันธุ์ปลามากนักและเพื่อให้ประชาชนสามารถมีอาหารโปรตีนจากปลาบริโภค จึงอนุญาตให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ทำการประมงได้ 1.เบ็ดทุกชนิด เว้นแต่เบ็ดราว 2.ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ซึ่งมีปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร และห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป 3.ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง เพื่อควบคุมมิให้จับสัตว์น้ำวัยอ่อนไปใช้ประโยชน์เกินความจำเป็นเพื่อให้มีลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่เจริญเติบโตให้มีใช้ประโยชน์ตลอดไปจึงห้ามมิให้รวบรวมลูกสัตว์น้ำหรือสัตว์น้ำในวัยอ่อน ในช่วงเวลาดังกล่าวเว้นแต่เพื่อการเพาะเลี้ยง โดยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมง
               ประมงจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นของส่วนรวมที่มีคุณค่ายิ่ง จึงขอความร่วมมือจากทุกท่านให้งดจับปลาในฤดูมีไข่และช่วยกันสอดส่องดูแล มิให้มีการฝ่าฝืนมาตรการของทางราชการ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือทั้งจำทั้งปรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น