วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มาสเตอร์ คาร์ จับมือ ซิกท์ เอจี ลุยรถเช่า



มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จับมือ ซิกท์ เอจี เปิด "ซิกท์ ไทยแลนด์" หวังลุยธุรกิจรถเช่าระยะสั้นในไทย พร้อมกางแผนลุยตลาดอาเซียนรับเออีซี มั่นใจสิ้นปีกอดรายได้ 200 ล้านบาท

นายรูดิเกอร์ โปรสกี้ รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการแฟรนไชส์ ซิกท์ เอจี กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการรถเช่าอันดับ 1 ของประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรปที่มีเครือข่ายการให้บริการใน 105 ประเทศทั่วโลกผ่านโครงข่ายการให้บริการกว่า 1,800 สาขา และเพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียนจึงได้จับมือกับพันธมิตรใหม่อย่างบริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิลฯ ที่เป็นผู้ให้บริการรถเช่าแบบครบวงจรในประเทศไทย ที่มีรถในพอร์ตกว่า 4,000 คัน และเปิดให้บริการ 14 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งการจับมือกันในครั้งนี้จะเป็นการผลักดันธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและในอาเซียน 

ด้านนายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี กล่าวว่า ภายหลังจากการประกาศจับมือกับซิกท์ รูปแบบการบริหารงานนั้นบริษัทจะแยกการบริหารงานในส่วนของรถเช่าระยะสั้นน้อยกว่า 1 ปี และบริการรถเช่าลีมูซีน มาบริหารภายใต้ซิกท์ ไทยแลนด์ ทั้งหมด ขณะที่ในส่วนของรถเช่าระยะยาวมากกว่า 1 ปีนั้น จะเป็นการบริหารงานภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิลฯ 

ส่วนแนวทางตลาดในปีนี้ เตรียมขยายเครือข่ายจากเดิม 14 สาขา ก็จะขยายเพิ่มในพื้นที่ต่างๆ โดยจะเน้นขยายไปยังสาขาในสนามบินนานาชาติทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งสาขาที่จะเปิดในอนาคต ได้แก่ หาดใหญ่, อุบลราชธานี, กระบี่, พระราม 3 และศรีนครินทร์ โดยงบประมาณในการก่อสร้างของแต่ละสาขาจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท และสาขาที่มีการปรับรูปแบบเป็นซิกท์ ไทยแลนด์นั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพ.ค. ที่จะถึงนี้

"เรามั่นใจว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาคอาเซียนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมาก จากการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงที่สุดภูมิภาคหนึ่งของโลก และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเราเชื่อว่าหลังจากการจับมือกันในครั้งนี้สัดส่วนของลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 15% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนั้น จะมาจากทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ก็มีแนวโน้มที่จะเช่ารถกันมากขึ้น"

นายถิรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจรถเช่าระยะสั้นพบว่ามีเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 มีรายได้ราว 130 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 160 ล้านบาท ในปี 2554 ขณะที่เป้าหมายในปี 2555 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท หรือประมาณ 200 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้รายได้มีการเติบโต ส่วนหนึ่งมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับซิกท์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ธุรกิจรถเช่าระยะสั้นเติบโต 20-25% และทำให้รายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 20% 

ขณะที่แผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศนั้น จะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 4 โดยบริษัทได้รับสิทธิ์ในการขยายไปอีก 6 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชาและลาว ซึ่งในตอนนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะเริ่มรุกประเทศไหนก่อน แต่ในเบื้องต้นเน้นที่ 3 ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาประเทศละ 1-2 แห่ง และคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ประเทศที่เหลือจะเปิดให้บริการครบทุกแห่งก่อนปี 2558 ที่จะเปิดเออีซี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น