วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

สาวอุบลฯร้องพ่อถูกฆ่า บ.ประกันชื่อดังปฏิเสธจ่ายเงิน กลัวบ้านถูกยึด

    2 แม่ลูกเหยื่อปืนโหดอดีตทหารพรานที่ขัดแย้งก่อสร้างรีสอร์ตมูลค่าหลายร้อยล้าน ร้องบริษัทประกันชีวิตประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อการสร้างบ้านปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างคนตายไม่ให้ข้อความเป็นที่จริงกรณีป่วยเป็นเบาหวาน จึงไม่จ่ายเงินสินไหมให้ ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตถูกฆาตกรรม ไม่ใช่ป่วยตายตามธรรมชาติ
       
       เมื่อเวลา 13.00 น. 21 เม.ย. นางเจม และ น.ส.ภาวิณี ประดับจันทร์ ภรรยาและลูกของนายไสว ประดับจันทร์ อายุ 39 ปี พนักงานขับรถดับเพลิงเทศบาลตำบลห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งมากับนายประสาน คำแสงดี นายก อบต.บุ่งหวาย และถูกนายธนวัฒน์ รัตนเดชา อายุ 48 ปี หรือจ่าแดง อดีตทหารพรานใช้อาวุธปืนจ่อยิงเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ปีนี้ ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี
       
       กรณีถูกบริษัทอาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด ที่นายไสวผู้ตายซื้อประกันเงินกู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์มาสร้างบ้าน ปฏิเสธการจ่ายเงินสินไหมทดแทนเมื่อเสียชีวิต
       
       น.ส.ภาวิณี นำเอกสารมาแสดงพร้อมเล่าว่า เดิมบิดาของตนทำประกันชีวิตกลุ่มประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อการสร้างบ้านครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ค.2549 กับบริษัทไทยคาร์ดีฟประกันชีวิต สัญญาสิ้นสุดเมื่อปี 2554 และธนาคารอาคารสงเคราะห์แจ้งว่า ต้องซื้อประกันใหม่กับบริษัทประกันชีวิตรายใหม่ (อาคเนย์ประกันชีวิตจำกัด) ที่เข้ามาเป็นคู่สัญญากับทางธนาคาร นายไสว จึงได้ซื้อประกันในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน พร้อมชำระเงินค่าประกันจำนวน 20,890 บาทให้เป็นที่เรียบร้อย
       
       กระทั่งเมื่อวันที่ 16 ม.ค.55 นายไสว ถูกยิงเสียชีวิต น.ส.ภาวิณี บุตรสาวได้ทำเรื่องขอรับเงินสินไหมทดแทนจำนวน 606,280 บาท จากบริษัทประกันที่ได้ทำไว้ แต่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่านายไสว ไม่ได้ให้ข้อความเป็นจริง กรณีที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน บริษัทจึงปฏิเสธการจ่ายเงินสินไหมทดแทนให้ดังกล่าว
       
       น.ส.ภาวิณี กล่าวว่า การทำประกันชีวิตของบิดาที่ซื้อประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อการสร้างบ้านไม่ใช่เป็นการทำครั้งแรก แต่ได้ซื้อกับบริษัทที่เคยเป็นคู่สัญญากับธนาคารอาคารสงเคราะห์มาก่อนแล้ว รวมทั้งการเสียชีวิตของบิดาตน ก็ไม่ได้เสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วย แต่เป็นการถูกฆาตกรรม ซึ่งมีรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนยืนยันอย่างชัดเจน
       
       การปฏิเสธจ่ายเงินสินไหมครั้งนี้ จึงไม่เป็นธรรมและต้องการเรียกร้องให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่เป็นผู้รับประโยชน์ เจรจากับบริษัทประกันที่เป็นคู่สัญญากับธนาคารด้วย เพราะปัจจุบันแม้บริษัทประกันจ่ายเงินสินไหมให้กับธนาคารแล้ว ตนและแม่ก็ยังมีภาระที่ต้องจ่ายเงินผ่อนบ้านเป็นเงินอีกกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นภาระหนักของครอบครัว เพราะแม่ไม่มีงานทำ ส่วนตนเพิ่งสำเร็จการศึกษาปฏิญญาตรีในปีการศึกษานี้ ยังไม่มีงานทำเช่นกัน
       
       รวมทั้งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันการซื้อรถรายอื่น ซึ่งบิดาได้ทำไว้ ก็ได้จ่ายเงินสินไหมทดแทนให้หมดแล้ว เหลือเพียงกรณีการซื้อประกันวงเงินเพื่อการสร้างบ้านเพียงรายเดียวที่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ มีเพียงการสั่งจ่ายเช็คคืนเป็นค่าเบี้ยประกันที่เรียกเก็บไปมาให้เท่านั้น
       
       นอกจากนี้ ก่อนเข้ามาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวก็ได้เข้าพบกับตัวแทนสภาทนายความของจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางธนาคาร ซึ่งจะนำไปยื่นให้ในวันจันทร์ที่ 23 เม.ย.นี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น