มือยิงลูกซองถล่มแก๊งวัยรุ่นคู่อริ กระสุนถูกเบ้าตาจนเสียชีวิตในงานฉลององค์กฐินเข้ามอบตัวกับตำรวจ สารภาพหมั่นไส้กลุ่มคนตายเต้นกังนัมสไตล์หน้าเวทีหมอลำซิ่งเย้ย จึงดักรอใช้ปืนลูกซองยิง คาดไม่ถึงจะเสียชีวิต ส่วนมือปืนรายนี้ ยังมีคดีค้างเก่าใช้มีดไล่ฟันฝ่ายตรงข้ามเจ็บสาหัสเมื่อปีก่อนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. 12 พ.ย. 55 นายพิเชษฐ์ หรือบอย กุลเกตุ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 บ้านโนนหงษ์ทอง ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.หลังถูกหมายจับฐานใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายวรกิจ จันทร์กอง อายุ 24 ปี ที่เบ้าตาขวา ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และนายนิด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวาและลำตัว เหตุเกิดดึกวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาในงานฉลององค์กฐินวัดบ้านโนนหงษ์ทอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. 12 พ.ย. 55 นายพิเชษฐ์ หรือบอย กุลเกตุ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 บ้านโนนหงษ์ทอง ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.หลังถูกหมายจับฐานใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายวรกิจ จันทร์กอง อายุ 24 ปี ที่เบ้าตาขวา ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และนายนิด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวาและลำตัว เหตุเกิดดึกวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาในงานฉลององค์กฐินวัดบ้านโนนหงษ์ทอง
ทั้งนี้ นายพิเชษฐ์ สารภาพว่า หลังมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มคนตายที่เป็นวัยรุ่นต่างหมู่บ้าน ที่เต้นจังหวะกังนัมสไตล์หน้าเวทีหมอลำซิ่งในงานกฐินใส่กัน จึงชวนนายศิริศักดิ์ หรือบึม ทองโชติ อายุ 20 ปี เพื่อนร่วมแก๊งขี่รถจักรยานยนต์ดักรอกลุ่มคนตายที่ข้างกำแพงวัด
เมื่อพบกลุ่มคนตายขี่รถซ้อนท้ายกันมา จึงล้วงเอาปืนลูกซองยาวดัดแปลงที่ซื้อมาในราคา 4,000 บาท ยิงใส่ผู้ตาย 1 นัด จากนั้นหลบหนีไปซ่อนอยู่บ้านคนรู้จักที่หมู่บ้านปลาดุก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกันนายสมัยบิดาได้มาหาและแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทราบตัวคนก่อเหตุและเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว ส่วนนายศิริศักดิ์เพื่อนร่วมแก๊งยังหลบอยู่ที่หมู่บ้านปลาดุก ชุดสืบสวนได้ไปติดตามจับกุมมาพร้อมอาวุธปืนของกลางและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุพร้อมตั้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
สำหรับนายพิเชษฐ์ เมื่อปีที่ผ่านมาก่อเหตุใช้มีดยาวไล่ฟันคู่อริได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นศาล แต่ได้ก่อเหตุซ้ำขึ้นอีกในครั้งนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น